กกต. ย้ำกระแสข่าวพิจารณาคำร้องยุบพรรคร่วมรัฐบาลปมทักษิณครอบงำไม่จริง
วันนี้ (15 กรกฎาคม) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่สื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์รายงานข่าวว่า “วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 สำนักงาน กกต. จะพิจารณา 6 คำร้อง ที่ร้องขอให้ กกต. สั่งยุบพรรคเพื่อไทยและ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม หลัง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค ถูกกล่าวหาว่าครอบงำ ชี้นำ และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรค” นั้น
สำนักงาน กกต. ได้ชี้แจงว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง และขณะนี้คำร้องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของสำนักงาน กกต. ยังไม่ได้เสนอ กกต.พิจารณาตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
หากพรรคการเมืองหรือผู้ใดมีสถานะที่อาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจการของพรรคการเมือง
โดยหากมีมูล นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเสนอให้ กกต. พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองต่อไป
การดำเนินการในกรณีการยุบพรรคการเมืองต้องเป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 มาตรา 93 ประกอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้
เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า พรรคการเมืองใดกระทำตามมาตรา 92 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมอบหมายให้พนักงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีข้อเท็จจริง พฤติการณ์ พยานหลักฐาน หรือข้อมูลเพียงพอที่จะรับไว้ดำเนินการหรือไม่ ให้แล้วเสร็จภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับมอบหมาย
เมื่อพนักงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า มีหลักฐานข้อมูลเพียงพอที่จะรับไว้ดำเนินการต่อไปได้ เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ถ้าปนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบที่พนักงานเสนอ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีคำสั่งเป็นเอกสารให้ดำเนินการแต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และรายงานให้ กกต. ทราบ
ในกรณีที่นายทะเบียนพรรคการเมืองรับไว้ดำเนินการ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแต่งตั้ง บุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมทั้งมีความเห็น เพื่อเสนอต่อ นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาโดยเร็ว แต่ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องไว้ดำเนินการ หากไม่แล้วเสร็จให้รายงานพร้อมเหตุผลความจำเป็นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขออนุมัติขยายระยะเวลา ทำการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานออกไปอีกครั้งละไม่เกินสามสิบวัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง บุคคลหรือคณะบุคคลที่นายทะเบียนพรรคการเมืองแต่งตั้งต้องให้ผู้ถูกร้อง หรือพรรคการเมืองนั้น แล้วแต่กรณี มีโอกาสรับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้ง และแสดงพยานหลักฐานของตน ก่อนมีการเสนอรายงานรวบรวมข้อเท็จจริงต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณา
หากพนักงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลเพียงพอที่จะรับไว้ ดำเนินการต่อไปได้ ให้เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ถ้านายทะเบียน พรรคการเมืองเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบที่พนักงานเสนอ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองไม่รับไว้ดำเนินการ หรือยุติเรื่อง แล้วแต่กรณี แล้วแจ้งให้ผู้ร้องทราบและรายงานให้ กกต. ทราบ
5.ในกรณีที่นายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า ไม่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ให้กำหนดเรื่องที่ต้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และรายงานให้ กกต. ทราบ การเสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นหรือการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามข้อ 2. หรือข้อ 3. แล้วแต่กรณี นายทะเบียนพรรคการเมืองอาจสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็ได้
- เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ให้เสนอ กกต.พิจารณา โดยให้ กกต.พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน หาก กกต. ไม่เห็นชอบตามความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ยกคำร้องหรือยุติเรื่อง แล้วแจ้งและแจ้งให้ร้องทราบ
6.1 ในกรณีที่ กกต. เห็นชอบตามความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง
6.2 ในกรณีที่ กกต. เห็นว่า การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ให้ส่งเรื่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
อนึ่ง สำนักงาน กกต. ขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ คอมมิคเผยแพร่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนป้องกันความสับสนของประชาชน