4 สิ่งที่ควร "งดทำหลัง 5 โมงเย็น" ลดเสี่ยงสโตรก เสียดายหนุ่มๆ สาวๆ หลายคนรู้ช้าไป!
4 พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงหลัง 5 โมงเย็น เสี่ยง "โรคหลอดเลือดสมอง" โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาว
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตหรือพิการถาวรได้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป การละเลยพฤติกรรมในช่วงเย็นอาจกลายเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่คุณคาดไม่ถึง
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายรายชี้ตรงกันว่า “พฤติกรรมเล็กน้อยแต่ทำเป็นประจำ” โดยเฉพาะหลัง 5 โมงเย็น สามารถส่งผลต่อความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง
1. รับประทานอาหารมื้อดึก
แม้จะเป็นเรื่องปกติสำหรับหลายคน แต่การทานมื้อเย็นหลัง 2 ทุ่มหรือใกล้เข้านอน อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
ส่งผลต่อจังหวะชีวภาพ (Circadian Rhythm): การทานอาหารดึกอาจรบกวนระบบเผาผลาญและความดันโลหิต ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับโรคหลอดเลือดสมอง
กระตุ้นการสะสมไขมันและน้ำหนักตัว: ยิ่งกินดึก ยิ่งเสี่ยงอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทานอาหารเย็นก่อน 1 ทุ่ม และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรือของทอดที่มีไขมันและน้ำตาลสูงในช่วงกลางคืน
2. ความเครียดสะสมในช่วงเย็น
แม้จะเป็นเวลาหลังเลิกงาน แต่หลายคนยังคงพกความเครียดกลับมาบ้าน รู้หรือไม่ว่า ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อความดันโลหิตและฮอร์โมนในร่างกาย อีกทั้งยังเสี่ยงกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัว และหัวใจทำงานหนักเกินจำเป็น
ทางที่ดีควรหาเวลาดูแลจิตใจด้วยกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ, โยคะ หรือการอ่านหนังสือ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาทีในช่วงเย็น
3. ไม่เคลื่อนไหวร่างกายหลังอาหารเย็น
พฤติกรรมยอดฮิตของคนยุคนี้คือการนั่งหรือนอนหลังอาหารทันที ซึ่งอาจกระทบต่อระบบย่อยและควบคุมน้ำตาลในเลือด งานวิจัยเผยว่า ผู้ที่ไม่ออกกำลังกายและใช้เวลาเฉยๆ มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน มีความเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าปกติถึง 3.5 เท่า
การเดินเบาๆ หลังมื้อเย็น 15-20 นาที ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตได้ดี ทั้งนี้ หากไม่มีเวลาออกกำลังกายจริงๆ ในช่วงเย็น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทำกิจกรรมเบา เช่น เดินเล่น หรือยืดเหยียด ก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆ
4. นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
การอดนอนหรือนอนมากเกินไปล้วนส่งผลต่อสมองและหลอดเลือด โดยการนอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมง/คืน เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองถึง 33% และในทางตรงกันข้าม การนอนเกิน 8 ชั่วโมง/คืน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงสูงถึง 71%
เวลานอนหลับที่เหมาะสมคือ วันละ 7-8 ชั่วโมง และต้องเป็นการนอนอย่างมีคุณภาพ ควรเข้านอนและตื่นให้ตรงเวลาทุกวัน รวมถึงวันหยุด เพื่อรักษานาฬิกาชีวภาพของร่างกายให้สมดุล
ดังนั้น อย่ามองข้าม "พฤติกรรมยามเย็น" แม้ช่วงเย็นจะเป็นเวลาพักผ่อนของหลายคน แต่การใส่ใจพฤติกรรมหลัง 5 โมงเย็นสามารถสร้างความแตกต่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะการ กิน-นอน-เคลื่อนไหว-จัดการความเครียด ให้สมดุล หากคุณเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมวันนี้ ผลลัพธ์ในระยะยาวอาจช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคหลอดเลือดสมอง และมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงยาวนาน