ส่องปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ‘ฤดูกาลทางดาราศาสตร์’
ฤดูกาลที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน แต่ละฤดูกาลบอกเล่าเรื่องราวธรรมชาติมีมนต์เสน่ห์ต่างกัน “ฤดูกาล” บนโลกเกิดจากแกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศากับแนวตั้งฉากกับระนาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ทำให้พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้รับแสงอาทิตย์ในปริมาณไม่เท่ากัน ส่งผลให้มีอุณหภูมิ รวมถึงระยะเวลากลางวันและกลางคืนต่างกัน
จะสังเกตเห็นว่า ฤดูร้อน เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์ขึ้นเร็วและตกช้า ต่างกับ ฤดูหนาว เวลากลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว ทำให้เกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ ทั้งนี้นำเรื่องน่ารู้ “ฤดูกาลทางดาราศาสตร์” หนึ่งใน10 ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ชวนติดตามในปีนี้ที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.)ชวนสังเกตการณ์ ทั้งชวนส่องปรากฏการณ์ท้องฟ้าไฮไลท์ช่วงครึ่งปีหลัง
ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร.ให้ความรู้ฤดูกาลทางดาราศาสตร์ โดยที่เพิ่งผ่านไป “วันครีษมายัน” (Summer Solstice) วันที่ดวงอาทิตย์เฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ผู้ที่อยู่ซีกโลกเหนือจะอยู่ในช่วงฤดูร้อนและวันดังกล่าวเป็นวันที่มี “กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี” ขณะที่ซีกโลกใต้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว และเป็นวันที่ “กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี” ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์
“ ในอดีตอย่างเรื่องเวลา เราจะรู้อย่างไรว่าเป็นเวลาใด เดือนไหน หรืออยู่ในช่วงใดของปี มนุษย์นั้นมีความพยายามใช้ทักษะการสังเกตการณ์ โดยกระบวนการสังเกตการณ์เป็นทักษะเริ่มต้น เป็นกระบวนการหนึ่งทางวิทยาศาสตร์ อย่างเช่น เสี้ยวสว่างของดวงจันทร์ตั้งแต่เสี้ยวบางสุดทางทิศตะวันตก สว่างไปเรื่อย ๆ จนเต็มดวง 15 ค่ำ และใช้เวลาอีก 15 วัน จากนั้นเสี้ยวสว่างของดวงจันทร์จะเริ่มบางลงเรื่อยๆ เข้าสู่ข้างแรม เข้าสู่เดือนมืดอีกครั้ง ใช้เวลาประมาณ 29.5 วันหรือเฉลี่ยน 30 วันซึ่งก็คือหนึ่งเดือน ฯลฯ และหากเฝ้าดูการขึ้น ตกของดวงอาทิตย์ จะพบว่า ดวงอาทิตย์เปลี่ยนตำแหน่งขึ้นและตกทุกวัน"
ในหนึ่งปีมีการเคลื่อนที่ปัดไปทางเหนือบ้าง ปัดไปทางใต้บ้าง และการที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ปัดเหนือ ปัดใต้ลักษณะนี้ก็นำมาใช้สังเกตการณ์ โดยหากปัดเหนือมากสุดจะเป็นอย่างไร หรือถ้าปัดใต้มากสุด จะเป็นอย่างไรหรือเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกพอดี ตกทางทิศตะวันตกพอดี ฯลฯ ต่างนำมาสังเกตการเปลี่ยนแปลง
“ วันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ปัดเหนือมากสุด วันนั้นดวงอาทิตย์จะมีเวลาอยู่บนทองฟ้านานที่สุดในรอบปี ส่วนถ้าดวงอาทิตย์ปัดใต้พบว่าเวลากลางวันสั้น การสังเกตการณ์เหล่านี้สอดคล้องกับการเกิดฤดูกาลและเมื่อเริ่มมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นก็สามารถนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายถึงฤดูกาลที่เกิดขึ้นบนโลก”
จากที่กล่าว ฤดูกาลบนโลกเกิดจากแกนโลกเราเอียง หากแกนโลกไม่เอียงก็ไม่เกิดฤดูกาล และพอดีว่าแกนโลกเอียง 23.5 องศาจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดฤดูกาล โดยทางดาราศาสต์แบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดูกาลทางดาราศาสตร์ โดยกำหนดจากตำแหน่งการขึ้นตกของดวงอาทิตย์ในรอบหนึ่งปี
วันวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ประเทศทางซีกโลกเหนือจะเป็น ฤดูใบไม้ผล ขณะที่ประเทศทางซีกโลกใต้เป็น ฤดูใบไม้ร่วง วันครีษมายัน (Summer Solstice) ดันที่อธิบายไป และหากนับต่อไปอีกสามเดือน วันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกพอดีส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนทางซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ และอีกสามเดือนต่อมาวันเหมายัน (Winter Solstice) ดวงอาทิตย์เฉียงไปทางใต้มากที่สุด ประเทศทางซีกโลกเหนือจะเข้าสู่ฤดูหนาว ทางซีกโลกใต้จะเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อน
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อศึกษามากขึ้นพบว่าแต่ละละติจูดยังมีเรื่องของ อุณหภูมิที่แตกต่างกัน เขตร้อน เขตอบอุ่น หรือเขตหนาว แบ่งตามตำแหน่งละติจูดบนโลก ฯลฯ ในการศึกษาก็เพื่อปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ และการนำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ คุณศุภฤกษ์อธิบายอีกว่า ธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่เรื่องของฤดูกาล ในเรื่อง Climate Change ก็ต้องให้ความสำคัญ ทั้งนี้การเปลี่ยนตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในรอบปี ฤดูกาลที่เกิดขึ้นสามารถนำความรู้เหล่านี้มา กำหนดทิศทางที่อยู่อาศัย อย่างเช่น ลมมาจากทิศเหนือ อากาศหนาวมาจากทิศเหนือ หมายถึงจะเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว
ถ้าลมมาจากทางใต้ เป็นหน้าร้อน ในเรื่องทิศทางลมจึงสามารถนำมาใช้กำหนดตำแหน่งที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัวต่างๆ อย่างเช่น การวางตำแหน่งประตู หน้าต่าง เพื่อให้ลมพัดผ่าน ช่วยระบายอากาศความร้อนภายในตัวอาคารบ้านเรือน เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถนำความรู้ที่เกี่ยวกับเรื่องฤดูกาล การเปลี่ยนตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในรอบปี มาใช้กำหนดความเหมาะสมตำแหน่งทิศทางที่อยู่อาศัย
สำหรับ ปรากฏการณ์ท้องฟ้านช่วงเวลานี้ ในช่วงฤดูฝนอาจไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ที่จะสังเกตการณ์ เพราะท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝน ไม่แจ่มใส ทั้งมีอิทธิพลของมรสุม โดยฤดูกาลของประเทศไทยได้รับอิธิพลจากลมมรสุมที่พัดผ่านเข้ามาทำให้มีฤดูฝน ส่วนประเทศอื่นๆที่อยู่สูงขึ้นไป ส่วนใหญ่มีสองฤดูคือร้อนกับหนาว
“ช่วงเดือนมิถุนายน เดือนกรกฎาคมของปีนี้ สำหรับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์คงไม่มีอะไรสักเท่าไหร่ แต่ในเดือนกันยายน นับแต่คืนวันที่ 7 ต่อเนื่องคืนวันที่ 8 จะมีปรากฏการณ์ที่น่าติดตามเฝ้าสังเกตการณ์ ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับดวงจันทร์ ที่ไม่ควรพลาด จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์ปรากฏเป็นสีแดงอิฐ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าตลอดปรากฏการณ์”
อีกทั้งเดือนพฤศจิกายน ช่วงวันลอยกระทง จะมีปรากฏการณ์ ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี (Super Full Moon) และปิดท้ายในเดือนธันวาคมจะมี ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ ส่วนก่อนหน้าฝนดาวตกเจมินิดส์ก็มีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ “ฝนดาวตกวันแม่” แต่ด้วยที่มีขึ้นตรงกับช่วงฤดูฝนในบ้านเรา อาจเป็นอุปสรรค์ต่อการสังเกตการณ์
ส่วนประเทศที่ไม่มีอุปสรรค์ในเรื่องมรสุม ท้องฟ้าใสเคลียร์มีโอกาสชมความสวยงามได้มาก อย่างประเทศที่อยู่ทางซีกโลกเหนือมีโอกาสสังเกตการณ์ได้ดี สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาแม้จะมีโอกาสสังเกตการณ์ได้บ่อย แต่อย่างไรแล้วขึ้นอยู่กับว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาที่จะสังเกตเห็นได้หรือไม่ และสำหรับครั้งที่จะมาถึงสามารถสังเกตเห็นได้ถือเป็นไฮไลท์
ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่ต้องไม่พลาดชม
พงษ์พรรณ บุญเลิศ