ดันสถาบันการเงิน ยอมรับทรัพย์สินทางปัญญา ใช้ขอสินเชื่อช่วยคนมีเงินทุน
ตอนนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กำลังพยายามผลักดันในการเปิดกว้างรับ ‘ทรัพย์สินทางปัญญา’ คือ สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ฯลฯ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้
โดยหากสถาบันการเงินเปิดรับก็จะช่วยปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการไทยที่มีทรัพย์สินทางปัญญาแต่ไม่มีเงินทุนให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น
ที่ผ่านมามีสถาบันการเงินรับทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อแล้ว 1.45 หมื่นล้านบาท หรือ 0.07% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมที่ใช้เป็นหลักประกัน
‘อรมน ทรัพย์ทวีธรรม’ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เล่าให้ฟังว่า ยังมีทรัพย์อีกหนึ่งประเภทที่เราอยากให้ความรู้ความเข้าใจกับสถาบันการเงินเพื่อให้ความสำคัญในการให้สินเชื่อมากขึ้น คือ ทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ฯลฯ
โดยทรัพย์สินทางปัญญามีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทรัพย์สินประเภทอื่นๆ ทั้งในส่วนของการสร้างสรรค์และนวัตกรรม สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน กระตุ้นการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและมูลค่า และส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี ฯลฯ เป็นต้น
จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูลวันที่ 24 มิถุนายน 2568) มีหลักทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่นำมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 14,494,652,200 บาท แบ่งเป็น
1) เครื่องหมายการค้า 17 เครื่องหมาย มูลค่า 1,975,000,000 บาท
2) ลิขสิทธิ์ 2 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มูลค่า 16,000,000 บาท
3) ซอฟต์แวร์ 1 ซอฟต์แวร์ มูลค่า 3,652,200 บาท
4) สิทธิการใช้เครื่องหมายการค้า และ/หรือ เครื่องหมายบริการ 41 เครื่องหมาย มูลค่า 11,000,000,000 บาท
5) แอปพลิเคชัน 1 ซอฟต์แวร์ มูลค่า 1,500,000,000 บาท
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวต่อว่า กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันครบรอบเกือบ 10 ปี โดยข้อมูล จนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2568 มีคำขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจรวมทั้งสิ้น 882,654 คำขอ ทรัพย์สินรวมที่ใช้เป็นหลักประกัน 20,435,659 ล้านบาท
ถ้าไปดูกฎหมายภายใต้ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 ได้กำหนดให้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหนึ่งในจำนวนหกทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ จนถึงปัจจุบันมีสถาบันการเงินรับทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน การขอสินเชื่อภายได้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจแล้วจำนวน 14,494,652,200 บาท หรือ 0.07% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมที่ใช้เป็นหลักประกัน
จากสถิติข้างต้นแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ความเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของสถาบันการเงินกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SME โดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอย่างมีนัยยะสำคัญ
‘อรมน’ บอกว่า ที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย สมาคมธนาคารไทย สถาบันการเงิน นักวิชาการภาครัฐ/ภาคเอกชน และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) จัดประชุมเชิงวิชาการแนะนำแนวทางการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือ IP Financing and IP Valuation และหวังให้สถาบันการเงินมีความเข้าใจถึงความสำคัญและมูลค่าของทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทรัพย์สินประเภทอื่น
รวมทั้ง เปิดกว้างรับทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการรายย่อย เช่น กลุ่มผู้ประกอบการนวัตกรรม สตาร์ทอัพ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีทรัพย์สินทางปัญญาแต่ไม่มีเงินทุนให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น
การนำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจยังช่วยกระตุ้นการสร้างนวัตกรรมเพราะทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับการคุ้มครองสามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีแผนการดำเนินงานต่อเนื่องภายใต้ความร่วมมือกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เพื่อพัฒนากระบวนการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา และกลไกเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินอย่างเป็นระบบ อาทิ การสร้างการรับรู้ในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาผ่านระบบการเรียนการสอนออนไลน์ DBD Academy ของกรมฯ
การสื่อสารและให้ความรู้แก่สถาบันการเงินถึงมูลค่าและศักยภาพของทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะที่เป็นทรัพย์สินที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจได้