“เจ ชนาธิป” นำทัพช้างศึก ป้องกันแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 51

สนามศุภชลาศัย 27 ส.ค. – “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ นำทัพช้างศึก ป้องกันแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 หลังประกาศรายชื่อ 23 ผู้เล่น ด้วยการฉายวิดีโอแบบ 3 มิติ บนกำแพงสนามศุภชลาศัย

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ ประกาศรายชื่อ 23 ผู้เล่น เตรียมป้องกันแชมป์ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 โดยเป็นการประกาศรายชื่อรูปแบบใหม่ ใช้เทคโนโลยีฉายแสง 3 มิติลงบนกำแพงสนามศุภชลาศัย นำโดยผู้รักษาประตู ปฏิวัติ คำไหม แนวรับมีผู้เล่นที่คาดว่าจะเป็นตัวหลักอย่าง ศุภนันท์ บุรีรัตน์, นิโคลัส มิคเกลสัน, สุพรรณ ทองสงค์ และมีชื่อของ ณัฐพงษ์ สายริยา กองหลังจากชลบุรี เอฟซี วัย 33 ปี มีชื่อติดทีมชาติเป็นครั้งแรก

ด้านกองกลาง นำโดย “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, เอกนิษฐ์ ปัญญา, เบนจามิน เดวิส, สุภโชค สารชาติ และมีชื่อของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง นับตั้งแต่คิงส์คัพปี 2023 ขณะที่ศูนย์หน้า 3 คน นำโดย ศุภชัย ใจเด็ด, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย และปรเมศย์ อาจวิไล

มาซาทาดะ อิชิอิ กล่าวหลังประกาศรายชื่อว่า วางเป้าหมายต้องการป้องกันแชมป์ไว้ให้ได้ ส่วนการคัดเลือกผู้เล่นชุดนี้มาจากสภาพร่างกายและการได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการตั้งคำถามของแฟนบอลที่ต้องการให้เรียกผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง ธีราทร บุญมาทัน กลับมาติดทีมชาติชุดนี้ อิชิอิ ยอมรับว่าอุ้มเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีชื่อใน 50 คน ก่อนตัดเหลือ 23 คน แต่มีการพูดคุยกับสโมสรมาต้นสังกัดก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบกลับว่า ธีราทร สภาพร่างกายไม่พร้อม

สำหรับปีนี้ ฟีฟ่ารับรองเป็น “A” Match จะนำผลการแข่งขันมานับคะแนนแรงกิ้ง ซึ่งมี 4 ชาติเข้าร่วม คือ ทีมชาติไทย อันดับ 102 ของโลก แชมป์เก่า ทีมชาติอิรัก อันดับ 58 ของโลก ทีมชาติฮ่องกง อันดับ 147 ของโลก และทีมชาติฟิจิ อันดับ 150 ของโลก

ด้านนายประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กล่าวว่า ขณะนี้สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี หรือสนามกลีบบัว รังเหย้าสโมสรพลังกาญจน์ เอฟซี มีความพร้อมแล้ว โดยมีการเพิ่มความจุเป็น 12,000 ที่นั่ง ซึ่งบัตรเข้าชมในรอบชิงอันดับ 3 และชิงชนะเลิศ ขณะนี้ขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่าจะเป็นการแข่งขันที่ได้มาตรฐานเอเอฟซี และจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวกาญจนบุรีอย่างแน่นอน

สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน อิรัก พบกับ ฮ่องกง เวลา 16.30 น., ทีมชาติไทย พบ ฟิจิ เวลา 20.00 น. และวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน จะเป็นการแข่งขันชิงอันดับ 3 เวลา 16.30 น. ส่วนคู่ชิงชนะเลิศจะเตะกันในเวลา 20.00 น. -สำนักข่าวไทย