คำถามที่อุ๊งอิ๊งค์ไม่ตอบ…ฮุนเซน ทักษิณ และฝั่งแม่ทัพภาค 2 ช่วยตอบให้ด้วยการกระทำ
คดีคลิปเสียงนายกฯอุ๊งอิ๊ง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2025 ใกล้ถึงตอนจบ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้ นายกฯอุ๊งอิ๊งให้การต่อศาลในวันที่ 21 สิงหาคม … ทำคำแถลงปิดคดีภายในวันที่ 27 สิงหาคม และ นัดฟังคำวินิจฉัย ในวันที่ 29 สิงหาคม 2025
ตามคำชี้แจงที่ปรากฏ มีคำถามหมวดสำคัญๆ ที่อุ๊งอิ๊งตอบไม่ชัด เฉไฉ แต่มี เพ็จของฝั่งแม่ทัพภาพ 2 การกระทำของ อังเคิลฮุนเซน และ ลูกฮุนมาเน็ต และ การเปิดเผยวิสัยทัศน์ของ อดีต นายกฯทักษิณ ผู้แสดงตัวเหนือรัฐบาลอุ๊งอิ๊งให้คำตอบแทน
คำถามหมวดที่1 ที่นายกฯอุ๊งอิ๊ง พูดว่า "ไม่อยากให้ uncle (อาฮุนเซน) ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้าม อย่างพวกแม่ทัพภาคสอง เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอเป็นฝั่งนั้นก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ” มีความหมายอย่างไร ? และ ยังกล่าวอีกว่า “เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ” ก็มีคำถามต่อว่า “จริงๆแล้ว ความตั้งใจของพวกอุ๊งอิ๊ง ที่ต่างกับแม่ทัพภาค 2 คืออะไร ?”
สิ่งที่ดูเหมือน นายกฯอุ๊งอิ๊ง จะไม่ได้ตอบคือ ฝั่งแม่ทัพภาค 2 พูดไว้ หรือ สื่อไว้ว่าอย่างไร ? ก่อนวันที่ 15 มิถุนายน จึงทำให้อังเคิลฮุนเซนไม่ชอบใจหรือโกรธนั้นคือ การสื่อสารที่ปรากฏตามสื่อต่างๆของ แม่ทัพภาคที่ 2 และ พวก เหล่านี้หรือไม่
ข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆว่า วันที่ 10 มิถุนายน 2025 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่เนิน 500 ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หลังมีการเจรจาปรับกำลังทหารไทยและกัมพูชา แม่ทัพภาคที่ 2 และ คณะได้ให้การต้อนรับ พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 พร้อมคณะ ที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า “หลังจากการเจรจาและทหารกัมพูชาได้ปรับกำลังออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย รวมถึงถมคูเลทให้กลับสู่สภาพเดิม ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดลดลงไปมาก”
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “มาตรการยกระดับตัดน้ำ ตัดไฟ และการปิดด่าน 100% จะต้องรอผลการเจรจาในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ แต่หากมีการปะทะกันเกิดขึ้นอีกครั้งในระหว่างนี้ จะดำเนินการมาตรการดังกล่าวทันที”
ก่อนหน้านั้น ใน 7 มิถุนายน 2025 พล.ต.ณัฐ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ก ระบุความจริง 11 ข้อ กรณีข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชาในช่วงนี้ โดยมีเนื้อหาบางส่วน ดังนี้
… วันที่ 28 ก.พ.2025 กัมพูชาเผาศาลาตรีมุข เคลื่อนกำลังขึ้นมาวางที่ต้นพญาสัตบรรณซึ่งล้ำอธิปไตยไทยเข้ามาประมาณ 150 ม. รวมถึงขุดคูเลททำลายสันปันน้ำละเมิด MOU43 สุดท้ายมีการใช้อาวุธเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2025
… โดยเขมรอ้างว่ากำลังส่วนนี้วางอยู่เดิมมาตั้งแต่ก่อนมี MOU43 ซึ่งไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอนเพราะ “ถ้ามีกำลังวางอยู่จุดนี้ เมื่อปีที่แล้ว (ส.ค.67) ผม (ท่านรองแม่ทัพภาคที่ 2) จะเดินผ่านจุดนี้เข้าไปที่ศาลาตรีมุขได้อย่างไร”
… และ ในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาได้มีการละเมิด MOU 43 หลายครั้ง เช่น การปรับปรุงเส้นทาง การปรับปรุงป้อมปืน การขุดหลุม บุคคล ในพื้นที่ช่องอานม้า การปรับปรุงเส้นทางและคูติดต่อบริเวณพื้นที่ช่องบก และบริเวณ เนิน 745 ฯลฯ
การสื่อสารเพื่อปกป้องอธิปไตยไทยทั้งสิ้นเหล่านี้หรือไม่ ? ที่นายกฯอุ๊งอิ๊งบอกอังเคิลว่า “ไม่อยากให้ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา…ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ” และคือที่นายกฯอุ๊งอิ๊งบอกว่า “จริง ๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ”
คำถามหมวดที่2 ที่นายกฯอุ๊งอิ๊ง พูดว่า "อังเคิลอยากได้อะไรขอให้บอก อิ๊งจะดู..อ่า…จะจัดการให้” มีความหมายอย่างไร ? แม้นายกฯอุ๊งอิ๊งจะไม่ได้อธิบายว่า “อังเคิลอยากได้อะไร ?” แต่ อังเคิลได้ “กระทำให้ดู” ว่าอยากได้อะไร
ดังตัวอย่างพฤติกรรม เฉพาะตั้งแต่ต้นปี 2025 เป็นต้นมา
วันที่ 13 ก.พ. 2025 มีประชาชนและทหารกัมพูชา ขึ้นไปบนปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทย และร้องเพลงชาติกัมพูชา
วันที่ 1 มี.ค. 2025 มีทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธ เข้ามาวางกำลัง พร้อมดัดแปลงพื้นที่ รุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย บริเวณช่องบก ประมาณ 150 เมตร
วันที่ 19 มี.ค. 68 ตรวจพบการปรับปรุงเส้นทาง การเทคอนกรีต ในพื้นที่ช่องอานม้า
วันที่ 14 เม.ย. 68 ตรวจพบการปรับปรุงป้อมปืน การขุดหลุม บุคคล ในพื้นที่ช่องอานม้า
วันที่ 13 พ.ค. 68 ตรวจพบการปรับปรุงเส้นทางและคูติดต่อบริเวณพื้นที่ช่องบก และบริเวณ เนิน 745 เป็นต้น
สรุปแล้ว อังเคิลฮุนเซน ต้องการพื้นที่จากแผ่นดินไทย หลายพื้นที่ได้แก่ กลุ่มปราสาทโบราณ 3 แห่งในจ.สุรินทร์ ได้แก่ อย่างปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย และอีกหนึ่งพื้นที่พิพาทคือบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งกัมพูชาเตรียมยื่นร้องต่อศาลโลก (International Court of Justice: ICJ) เพื่อขอให้วินิจฉัยพื้นที่พิพาทเหล่านี้ หวังว่า ศาลโลก จะเข้าข้างกัมพูชาอีกครั้งเหมือนกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ทั้งที่เป็นพื้นที่อธิปไตยไทย ด้วยหลัก “สันปันน้ำ” ตามสนธิสัญญาฝรั่งเศสสยาม 1907 ซึ่งตามบันทึกรายงานของ พันเอก มองกิเอร์ ประธานกรรมการฝ่ายฝรั่งเศสในคณะกรรมการปักปันผสมสยามกับฝรั่งเศส ชุดที่ 2 ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า “เส้นเขตแดนเดินไปตามเส้นสันปันน้ำ ซึ่งอยู่ที่หน้าผาเห็นได้จากตีนภูเขาดงรัก” จึงไม่ต้องปักเขตแดนตามแนวเขาพนมดงรักกันตั้งแต่ช่องสะงำถึงช่องบก
และ ยังมีแผนล่วงเลยไปถึงแนวเส้นแบ่งพื้นที่ทรัพยากรทางทะเล ดังที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร พ่อของ นายกฯอุ๊งอิ๊ง ได้ออกแรง “ช่วยจัดการให้” อีกคน โดยได้แสดงวิสัยทัศน์ ในงาน Nation TV Dinner Talk ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 แนะให้รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการคือ เรื่องพื้นที่ทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา โดยนำเอาทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีอยู่ขึ้นมาใช้โดยแบ่งประโยชน์กันฝั่งละ 50% ทั้งที่เส้นแบ่งตามแนวทางของกัมพูชา ไม่เป็นไปตามหลัก เส้นมัธยะ ซึ่งต้องเคารพสิทธิโดยชอบของไทยเหนือเกาะกูดเป็นพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย “ทั้งเกาะ” เป็นขอบเขตประเทศ ไม่ใช่ลากเส้นแบบกัมพูชา โดยผ่าเกาะกูด (แม้จะทำเป็นเส้นอ้อมขอบเกาะ) ซึ่งเป็นการแบ่งพื้นที่ในทางทะเลที่ไม่ถูกหลักสากล คือใช้หลักการเส้นมัธยะ จากขอบเขตประเทศเป็นหลัก
และ ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2025 นายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารไทยและกัมพูชาปะทะกันบริเวณช่องบก ว่าน่าจะเคลียร์กันจบแล้ว “เขตแดนที่ไม่ชัดเจน ไม่มีการปักปัน” ใครเป็นอย่างไรก็ให้ถอยออกไปเป็น “โนแมนแลนด์” ทั้งที่ เป็นพื้นที่ฝั่งไทยฝ่ายเดียวอยู่แล้วชัดเจนจากเกณฑ์แนวสันปันน้ำ ตามสนธิสัญญาฝรั่งเศสสยาม 1907
เหล่านี้ สะท้อนคำตอบของฮุนเซนว่า “อังเคิลต้องการอะไร” จากประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับทักษิณ ที่ได้ ช่วย “จัดการให้” โดยไม่เป็น “คุณ” ต่อประเทศไทย ทั้งความต้องการในพื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย และบริเวณช่องบก และ การแบ่งทรัพยากรในทะเล ส่วนที่ “อ้าง” ว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน
คำตอบที่อุ๊งอิ๊งไม่ตอบ แต่มีหลักฐานตามที่ปรากฏตามสื่อสาธารณะที่เป็นที่ประจักษ์ร่วมกันทั่วไป ทั้งสื่อจากฝั่งแม่ทัพภาคที่ 2 การกระทำแสดงความต้องการของฮุนเซน และ การตอบสนอง “จัดการให้” ของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรน่าจะทำให้ได้ภาพครบถ้วนมากขึ้น
ไทยทน