“เมฆระเบิด” คืออะไร? ภัยพิบัติใหม่ในยุคโลกเดือด
“เมฆระเบิด” คือฝนตกหนักและรวดเร็วมากในระยะเวลาสั้น ๆ โดยฝนจะตกลงมาอย่างหนักในเวลาเพียง 10–20 นาทีเท่านั้น ซึ่งฝนที่ตกหนักนี้เกิดจากเมฆที่มีปริมาณน้ำมากจนตกลงมาอย่างรวดเร็ว จึงถูกเรียกว่า “เมฆระเบิด”
สาเหตุของ “เมฆระเบิด” เกิดจากอากาศร้อนชื้นที่ลอยตัวขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในชั้นบรรยากาศ ทำให้ไอน้ำในอากาศกลั่นตัวเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่และกลายเป็นน้ำแข็ง จนเกิดเป็นเมฆพายุ เมื่อมีความชื้นสะสมมากในเมฆ น้ำฝนจึงตกลงมาอย่างหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ จนดูเหมือนระเบิดฝนจากเมฆ
ความรุนแรงของเมฆระเบิดมักจะพบในพื้นที่ภูเขา เพราะสภาพภูมิประเทศช่วยดันให้อากาศลอยขึ้นสูงขึ้น (เรียกว่าการบังคับให้อากาศขึ้นภูเขา หรือ Orographic Forcing) เมื่อผสมกับความร้อนที่พื้นดิน การเคลื่อนที่ขึ้นของอากาศจะเพิ่มความแรงของพายุ ทำให้ฝนตกหนักมาก
ฝนตกหนักอย่างฉับพลันนี้มักก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากแม่น้ำและระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับน้ำที่ไหลมาพร้อมกันในทันที นอกจากนี้ในหลายพื้นที่ที่ประสบปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ดินจะไม่อุ้มน้ำ เมื่อฝนตกหนักจึงเกิดดินถล่มได้ง่าย ในช่วงหลัง ๆ นี้ เหตุการณ์ฝนตกหนักเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจัยหลักมาจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้อากาศสามารถกักเก็บไอน้ำได้มากขึ้น เมื่อน้ำเหล่านั้นตกลงมา จะทำให้เกิดฝนตกหนักมากขึ้น
ในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ โครงสร้างเมืองที่ดูดซับความร้อน กิจกรรมของมนุษย์ที่เพิ่มความร้อนท้องถิ่น รวมถึงมลพิษทางอากาศที่ช่วยเพิ่มอนุภาคสำหรับการเกิดเมฆ เหล่านี้ทำให้เมืองใหญ่มีโอกาสเกิดฝนตกหนักบ่อยครั้งขึ้น
การพยากรณ์ฝนตกหนักยังคงเป็นเรื่องท้าทาย ศูนย์พยากรณ์ส่วนใหญ่ใช้วิธีพยากรณ์แบบ “นาว-คาสติ้ง” (Now-casting) คือวิเคราะห์สภาพอากาศปัจจุบันเพื่อทำนายฝนในช่วง 1-3 ชั่วโมงข้างหน้า แม้ว่าการพยากรณ์ระยะสั้นจะมีข้อจำกัด แต่ก็ทราบว่าความถี่ของฝนตกหนักเพิ่มขึ้นในระยะยาว จึงจำเป็นต้องวางแผนและเตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วมและผลกระทบที่อาจตามมาอย่างรอบคอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง