จึ้งหนักมาก “แบรด พิตต์” นำทีมซิ่งทะยานฟ้า F1® THE MOVIE กระแสตอบรับดีหนักมาก
น่าสนใจหนักมากทีเดียวหลัง วอร์เนอร์ บราเดอร์ส นำเสนอ ผลงาน Apple Original Films รวมพลังผู้สร้าง Top Gun: Maverick ถ่ายทอดประสบการณ์ความเร็วเหนือขีดจำกัด เตรียมสัมผัสประสบการณ์หนังแข่งรถที่สมจริงที่สุด เท่าที่เคยมีมาใน “F1® THE MOVIE” ผลงานแอ็กชั่นสุดระทึกแห่งปี ผลงานการกำกับโดย โจเซฟ โคซินสกี้ พร้อมการสนับสนุนจากแชมป์โลก Formula 1 ถึง 7 สมัย ลูอิส ฮามิลตัน นำแสดงโดย แบรด พิตต์ ร่วมด้วย แดมสัน ไอดริส, เคอร์รี่ คอนดอน, โทเบียส เมนซีส์, คิม บอดเนีย และ ฮาเวียร์ บาร์เด็ม
ภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวของ ซอนนี่ ฮาเยส (แบรด พิตต์ ) อดีตนักแข่งตัวเต็งแห่ง FORMULA 1 ยุค 1990 ผู้หวนคืนสนามฟอร์มูล่าวัน เพื่อร่วมทีมกับนักแข่งหน้าใหม่ โจชัว เพียร์ซ (แดมสัน ไอดริส) ในทีม APXGP ที่กำลังตกต่ำ เพื่อพิสูจน์ว่าเขายังสามารถเป็นแชมป์ได้อีกครั้ง เมื่อเครื่องยนต์เสียงดังกระหึ่มขึ้นมา อดีตของซอนนี่ได้กลับมาเตือนเขาและเขาได้พบว่าที่ FORMULA 1 เพื่อนร่วมทีมคือคู่แข่งที่ดุเดือดที่สุด และเส้นทางของการกอบกู้ชื่อเสียงคือถนนที่เราไม่สามารถเดินทางเพียงลำพังได้ แบรด พิตต์ไม่ได้แค่ “แสดง” แต่ลงสนามฝึกขับรถแข่งจริงที่ความเร็วสูงสุดถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาฝึกนานหลายเดือน ตั้งแต่การเรียนรู้เทคนิคพื้นฐานในรถ Formula 3 ไปจนถึงการควบคุมรถระดับ Formula 2 ซึ่งเป็นรถที่ใช้จริงในการถ่ายทำ พร้อมฝึกฝนร่างกายเพื่อทนแรง G-force ที่สูงถึง 5-6 เท่า “ผมต้องขับ พูดบท และแสดงไปพร้อมกันในสนามแข่งจริงๆ มันคือการท้าทายทั้งร่างกายและจิตใจ” พิตต์กล่าว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายทำในสนามแข่งขัน Formula 1 ของจริง เช่น British Grand Prix ที่ Silverstone โดยมีเวลาถ่ายทำเพียง 10-15 นาที ระหว่างรอบการแข่งขันจริง ทีมงานต้องวางแผนการถ่ายทำอย่างแม่นยำระดับทหาร เพื่อให้ได้ภาพสมจริงโดยไม่รบกวนการแข่งขัน อีกหนึ่งความร่วมมือระดับโลกคือการพัฒนาเทคโนโลยีกล้องพิเศษร่วมกับ Apple และทีมวิศวกร Mercedes-AMG โดยใช้กล้องความละเอียดสูงขนาดเล็กติดตั้งในรถได้ถึง 12 จุด พร้อมเซนเซอร์ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ iPhone และ ชิป A-series เพื่อเก็บภาพมุมมองใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ โปรดิวเซอร์ กล่าวว่า “นี่คือโอกาสที่เราได้พาโลกแห่ง Formula 1 มาสู่จอยักษ์ด้วยมาตรฐานการสร้างภาพยนตร์ระดับโลก” ขณะที่ ลูอิส ฮามิลตันระบุว่า “เป้าหมายของเราคือถ่ายทอดความรู้สึกเวลานั่งอยู่หลังพวงมาลับ F1 ให้ผู้ชมทุกคนได้สัมผัส” โดยดูได้แล้ววันนี้ที่โรงภาพยนตร์