เผยปัจจัยเสี่ยง “โรคมะเร็งปอด” คนไทยป่วยมากกว่า 2 หมื่นรายต่อปี
พ.อ.รศ.นพ.ไนยรัฐ ประสงค์สุข แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า ปัจจุบันมะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งอันดับต้นๆ ของโลก แต่ละปีทั่วโลกมีผู้ป่วยใหม่ 2.2 ล้านคน เสียชีวิต 1.8 ล้านคน และมีอัตราการรอดชีวิต 5 ปี โดยรวมเพียง 15-20% เท่านั้น ขณะที่ในปี 2565 ประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่จำนวน 23,494 รายต่อปี ถือเป็นมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ป่วยเป็นอันดับ 2 ของโรคมะเร็งทั้งหมด
สาเหตุป่วยมะเร็งคือบุหรี่-PM 2.5
"ประเด็นที่น่ากังวลคืออัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่และผู้ป่วยอายุน้อยลง หรือกลุ่มบุหรี่มือสอง โดยสาเหตุหลักของมะเร็งปอดประมาณ 80-85% ของผู้ป่วยทั้งหมด คือ การสูบบุหรี่ทั้งสูบเองและควันบุหรี่มือสอง รองลงมาคือมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ที่มีผลกระทบชัดเจน โดยเฉพาะในภาคเหนือที่มีอัตราผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"
นอกจากนี้ ยังมีก๊าซเรดอนในบ้านเรือน ซึ่งเป็นก๊าซกัมมันตภาพรังสีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส พบได้ในดินเกือบทั้งหมด และเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ คาดการณ์ว่าแนวโน้มโรคมะเร็งปอดในอนาคตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2573 โดยจะมีจำนวนผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นมากที่สุด
ในอดีตอัตราส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดผู้ชายต่อผู้ป่วยผู้หญิงอยู่ที่ 3-4 คนต่อ 1 คน เนื่องจากการสูบบุหรี่ แต่ปัจจุบันช่องว่างดังกล่าวกลับลดลง คาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยที่มีความผิดปกติที่ยีน Epidermal Growth Factor Receptor (EGFR) เพิ่มขึ้น และพบผู้ป่วยอายุน้อยลง คือ มีอายุระหว่าง 40-50 ปีมีจำนวนเพิ่มขึ้น
คนไทยพบยีน EGFR ผิดปกติ 57-68%
พ.อ.รศ.นพ.ไนยรัฐ กล่าวว่า ปัจจัยด้านพันธุกรรมทำให้การรักษามะเร็งปอดในคนเอเชียแตกต่างจากชาวตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบความผิดปกติยีน EGFR สูงที่สุดในโลกอยู่ที่ 40-60% สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งปอดจากความผิดปกติที่ยีน 57-68% ของมะเร็งปอดชนิด Adenocarcinoma ผลการศึกษายังพบด้วยว่าควรตรวจยีน Anaplastic Lymphoma Kinase (ALK) ในผู้ป่วยมะเร็งปอด โดยเฉพาะผู้หญิงไม่สูบบุหรี่และผู้ป่วยอายุน้อย และความผิดปกติที่ยีน ALK พบได้ประมาณ 5-7%
การรักษามะเร็งปอด
หัวใจสำคัญของการเพิ่มอัตราการรักษาหายคือ การตรวจพบเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ที่อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป มีประวัติสูบบุหรี่ มีประวัติครอบครัว หรือสัมผัสมลพิษทางอากาศบ่อย โดยการตรวจคัดกรองด้วย Low-dose CT scan เป็นวิธีที่แนะนำสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง และเมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว การตรวจหาความผิดปกติของยีนจะช่วยวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
หากตรวจพบความผิดปกติที่ยีน EGFR หรือ ALK ผู้ป่วยมีโอกาสยับยั้งโรคได้หากตรวจพบไว และสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ามากด้วยยามุ่งเป้า ซึ่งให้ผลการรักษาดีกว่าเคมีบำบัดอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้ป่วยมีอัตราการตอบสนองสูงถึง 70-80%
“ผู้ป่วยหลายคนมักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการหนักแล้ว เพราะอาการเริ่มต้นมักคล้ายโรคทั่วไป เช่น ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ ไอเป็นเลือด, หายใจลำบาก, ปวดหน้าอกไม่หาย รวมถึงน้ำหนักลดผิดปกติ หรือเหนื่อยง่ายผิดปกติ แต่ปัจจุบันประชาชนเริ่มตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็งปอดมากขึ้นมีตัวอย่างเคสเข้าตรวจคัดกรองแล้วสามารถรักษามะเร็งปอดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถรักษาหายขาดได้”
ทั้งนี้ การรักษาที่มีประสิทธิภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศได้ ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางให้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงการคัดกรองด้วย Low-dose CT scan โดยเฉพาะกลุ่มคนที่จำเป็นต้องได้รับการตรวจคัดกรองและไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอ
ขณะที่การเข้าถึงยาที่จะบรรจุในสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะต้องเป็นยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่ได้เปิดช่องให้ยาที่มีประสิทธิภาพดีและราคาไม่แพงเข้าบรรจุในสิทธิประโยชน์เช่นกัน เพื่อหวังลดอัตราความสูญเสียและภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว