DSI จับกุมนายหน้าชาวไทยจัดหาคนทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศฟิลิปปินส์
DSI จับกุมนายหน้าชาวไทยจัดหาคนทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศฟิลิปปินส์
วานนี้ (วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม 2568) เวลาประมาณ 17.30 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมนางสาวสโรชา (สงวนนามสกุล) หรือเบล ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1859/2567 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยการบังคับใช้แรงงานโดยเป็นธุระจัดหา หน่วงเหนี่ยวกักขังจัดให้อยู่อาศัยโดยข่มขู่ใช้กำลังบังคับ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของบุคคลนั้นเองหรือของผู้อื่นขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้นำภาระหนี้ของบุคคลนั้น ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใดพาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร” ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณลานจอดรถโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรวมถึงแจ้งว่า ต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 32/2566 ของกองคดีการค้ามนุษย์ โดยนางสาวสโรชา (สงวนนามสกุล)
มีพฤติการณ์เป็นนายหน้า หลอกลวง ชักชวนผู้เสียหาย ให้มาทำงานในตำแหน่งพนักงานฝ่ายบุคคล สังกัดบริษัทประเทศฟิลิปปินส์ โดยให้ค่าตอบแทนสูง มีสวัสดิการต่าง ๆ ให้ และสถานที่ทำงานอยู่ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อได้นัดหมายให้สัมภาษณ์งานร่วมกับหัวหน้างานชายชาวจีนเมื่อผ่านการสัมภาษณ์แล้วจึงได้จัดส่งตั๋วโดยสารเครื่องบินให้แก่ผู้เสียหายและได้มารับที่สนามบินกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงนำตัวผู้เสียหายไปที่บริษัทแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศฟิลิปปินส์ แล้วบังคับให้ทำงานหลอกลวงคนไทย หากไม่ยินยอมจะถูกทำร้ายร่างกายและข่มขู่ว่าจะถูกขายตัวส่งต่อไป และจะไม่มีโอกาสเดินทางกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจตรี จตุพล บงกชมาศ รองอธิบดี
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชาจัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป