รู้แล้ว ‘น้องเมย’ อวัยวะหายไปไหน หลังครอบครัวติดใจทำไมไม่ได้คืน
โหนกระแสไขข้อสงสัย ‘น้องเมย’ อวัยวะหายปริศนา หลังเสียชีวิตเพราะถูกสั่งซ่อม พ่อแม่ช้ำใจ แพทย์ไม่แจ้งก่อน-ตอบบ่ายเบี่ยง แจงปมทำไมครอบครัวไม่ได้อวัยวะคืน แม่เชื่อยังอยู่ที่สถาบันฯ
วันนี้ (23 กรกฎาคม 2568) โหนกระแส โดย ‘หนุ่ม กรรชัย’ ออกมาไขประเด็นร้อนสะเทือนวงการทหาร กรณีการเสียชีวิตของ ‘น้องเมย นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์’ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เนื่องจากถูกรุ่นพี่ธำรงวินัย หรือ สั่งซ่อม เหตุฝ่าฝืนคำสั่ง ตอนนี้เกือบ 8 ปีแล้วที่น้องเมยจากไป แต่ครอบครัวยังคงติดใจถึงสาเหตุการดับและหลักฐานต่าง ๆ ที่ไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมา
หลังจากคำตัดสิน เผยออกมาว่าอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การลงโทษจำเลยไปไม่เป็นประโยชน์จึงตัดสินให้ปรับปรุงตัวรับใช้ชาติต่อเห็นว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า สั่งจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 รอลงอาญา 2 ปี ทางครอบครัวน้อมรับคำตัดสิน และยังมีข้อสงสัยที่ว่าอวัยวะภายในทั้งหมดของน้องเมยหายไป มีเพียงกระดาษทิชชู่ยัดไว้เท่านั้น
ล่าสุด ‘หมอหมู‘ หรือ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หมอนิติเวช ออกมาให้คำตอบว่า “สมัยเดิมการผ่าชันสูตรศพหลายกรณี อาจมีข้อกฎหมายในอนาคต ต้องตรวจซ้ำเพื่อที่จะมาดูว่าอวัยวะนั้นมีการบาดเจ็บเพิ่มเติมไหม ก็จะมีการเก็บอวัยวะ เช่น สมอง หัวใจ หรือปอดก็จะไปแช่อยู่ในฟอร์มาลีน เพื่อที่จะรอการตรวจสอบในอนาคต ณ ตอนนั้นถึงปัจจุบันน้อยคนจะเก็บ อย่างผมเอง ณ ตอนนั้นถ้าจะเก็บ เก็บเป็นชิ้น ๆ เพื่อทำเป็นแผ่นสไลด์ดูกล้องจุลทรรศน์
ส่วนถ้าจะเก็บชิ้นใหญ่เนี่ยก็คงจะต้องขอทางญาติ แต่ประเด็นนี้พอมีการเก็บอวัยวะไปแล้วญาติมาทราบในภายหลัง ตามข่าวคือมีการผ่าชันสูตรรอบที่ 2 ณ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีการแจ้งว่าไม่ได้สูญหายไปไหน และมีข่าวว่ามีการส่งคืนไปแล้วด้วย เท่าที่ตามข่าวโดยส่วนตัวพบว่าไม่มีการยืนยันว่าอวัยวะนั้นเป็นของใคร”
จากนั้น คุณพ่อน้องเมยเล่าต่อว่า“วันที่ผมไปรับอวัยวะที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ผมสงสัยว่าที่ผ่านมาแล้วในร่างลูกผมไม่มีอวัยวะเลยมันเพราะอะไร ทำไมไม่แจ้งผมด้วย ถ้าเผาศพลูกไปแล้วจะเหลืออะไร ผมสงสัยว่าการผ่าพิสูจน์ใช้เวลาตั้ง 2 วัน ผมก็ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเป็นลักษณะนี้”
ต่อมา‘ทนายแก้ว’ สอบถามหมอหมูว่า การที่แพทย์จะผ่าตัดอวัยวะของคนเสียชีวิตไปต้องขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งหมอนิติเวช ตอบกลับว่า “ถ้าที่ถูกต้องก็ต้องแจ้ง ถ้าหลักปฏิบัติเก็บชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อยไปตรวจในกล้องจุลทรรศน์ มันเป็นเรื่องของการตรวจในห้องปฏิบัติการ อาจจะไม่ต้องมาแจ้งว่าเอาไป เป็นภาพรวมของการผ่าชันสูตรศพอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างนี้ แต่ถ้าเอาไปทั้งชิ้นต้องบอก ที่ผ่านมาไม่ได้มีการปฏิบัติแบบนี้”
ฝ่ายครอบครัวของน้องเมย คาดเดาว่าอวัยวะน่าจะหาย เพราะคุณพ่อพยายามถามคุณหมอแล้ว แต่ได้คำตอบว่า DNA เข้ากันไม่ได้ ฝ่ายหมอหมูให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในทางการแพทย์คำว่า “เข้ากันไม่ได้” หมายถึง ไม่ใช่อวัยวะของน้องเมย
ในตอนแรกคุณแม่ขอชิ้นส่วนอวัยวะกลับมาบำเพ็ญกุศลต่อ“แต่คุณหมอตอบกลับคุณแม่ว่าจะเอาไปทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณแม่เลย ทุกวันนี้ยังไม่ได้อวัยวะคืน ยังอยู่ที่สถาบัน เขายังเก็บตรงนั้นไว้นะ” ซึ่งหมอหมูอธิบายเพิ่มเติมว่า หากผลการตรวจสอบออกมาว่าอวัยวะนี้ไม่ใช่ของน้องเมยก็ไม่สามารถที่จะให้ทางครอบครัวได้
อย่างไรก็ดี คุณพ่อสงสัยว่าหลังจากผ่าชันสูตรแล้วทำไมไม่ใส่คืนร่าง ทำไมถึงเก็บอวัยวะของลูกไว้ ซึ่งหมอหมูให้ข้อมูลว่า “ในสมัยนั้นมีการเก็บเพื่อเป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ บางคดีเป็นคดีอาญาต้องใช้เวลานาน”
ทั้งนี้ หมอหมู ขอออกมาอธิบายเพิ่มเติม หลังจากที่ ‘คุณเมี่ยง’ พี่สาวของน้องเมย โฟนอินเข้ามาในรายการจึงอยากมาขอแก้ไขคำที่พูดก่อนหน้าหลังได้ข้อมูลใหม่“เมื่อกี้เห็นคุณเมี่ยงโทรเข้ามาแล้วก็บอกว่าคำที่ชัดเจนที่คุณหมอแจ้งกับคุณเมี่ยงคือ DNA ในอวัยวะไม่เพียงพอที่จะสรุปได้จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าอวัยวะนั้นเป็นของน้องเมยหรือเปล่า ความหมายของมันง่าย ๆ ก็คือว่าอวัยวะถูกแช่ไว้ในฟอร์มาลีน ซึ่งตัวฟอร์มาลีนมารบกวนเรื่องของ DNA มันก็เลยทำให้การตรวจยากมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีตอนนั้น ถ้าฟังจากที่คุณเมี่ยงสรุปคือไม่สามารถสรุปได้ว่าอวัยวะนั้นเป็นของใคร”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง