Samsung เปิดตัว Galaxy Z Fold7 และ Z Flip7 ชูไฮไลท์ ‘ความบางและเบา’ เคาะราคาเริ่มต้น 67,900 บาท และ 40,900 บาท มีเปิดตัว Galaxy Watch8 ด้วย

เมื่อถึงช่วงกลางปีก็เป็นเวลาที่ Samsung จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟล็กชิปในฝั่งที่เป็นจอพับ ซึ่งในปี 2568 ได้มาในชื่อรุ่น Samsung Galaxy Z Fold และ Z Flip โดยมีการจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับจุดเจน ‘ความบางและเบา’

ผลสำรวจของ Samsung พบว่า คนไทยเปลี่ยนมือถือเฉลี่ยทุก 2.3 ปี ซึ่งถือว่าเร็วกว่าหลายประเทศ โดยมีแรงจูงใจมาจากเรื่อง ภาพลักษณ์ และความรู้สึกว่าของมันต้องมี ทำให้การถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จึงเหมือนเป็นการพรีเซนต์ตัวตน รวมถึงระบบ Trade-in ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ผู้คนตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องได้บ่อยขึ้น

“ปัจจุบันก่อนลูกค้าจะตัดสินใจจะซื้อสมาร์ทโฟนพับได้ จะเปรียบเทียบเรื่องของแบรนด์และคุณสมบัติการใช้งานต่างๆ ทั่วไปก่อน” Samsung ระบุ

แต่ที่เห็นได้ชัดคือเทรนด์มือถือจอพับเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยสัดส่วนผู้ใช้มือถือจอพับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและหากสังเกตจะเห็นว่าตั้งแต่รุ่นแรกๆ ของ Samsung สามารถตอบโจทย์คนที่ไม่อยากพกหลายเครื่องในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยใช้มือถือแบบทั่วไปมาก่อน

ส่วนประเด็นที่หลายคนกังวลต่อการใช้มือถือแบบพับ คือเรื่องน้ำหนักมือถือ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช้มือถือในเวลานอน โดยเฉพาะเวลากลางคืน Samsung จึงพยายามออกแบบให้เบาลงทุกปี

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Samsung ระบุว่า ตัวเองนั้นถือเป็นผู้นำในการพัฒนา ‘สมาร์ทโฟนจอพับ’ สู่ตลาดเป็นรายแรกๆ พร้อมยกระดับนวัตกรรม ทั้งระบบกันน้ำสำหรับจอพับ และการออกแบบบานพับสนิท ที่ช่วยป้องกันฝุ่น พร้อมรองรับการพับได้ถึง 200,000 ครั้ง

จากนี้พร้อมเดินหน้าสร้างความเคลื่อนไหวในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียม ด้วยสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด ‘Bar Type Alternative’ เจาะกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก พกพาง่าย แต่ได้ประสบการณ์ระดับแท็บเล็ต พร้อมเสริมจุดขายด้านดีไซน์บางเบา กล้องระดับโปร และเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ

Z Fold7 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มาพร้อมจุดเด่นบางที่สุดในโลก ความหนาเมื่อกางเพียง 4.2 มม. และพับอยู่ที่ 8.9 มม. น้ำหนักเบา 215 กรัม หน้าจอใหญ่ขึ้น จาก 6.3 นิ้วเป็น 6.5 นิ้ว ให้ฟีลเหมือนมือถือปกติ พอกางออกกลายเป็นมินิแท็บเล็ต ซึ่งหน้าจอหลักของ Galaxy Z Fold7 มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ภายในใช้ชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy โดย NPU เร็วขึ้น 41% CPU เร็วขึ้น 38% และ GPU เร็วขึ้น 26% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ส่วนตัวกล้องอัปเกรดใหม่ จาก 50MP เป็น 200MP ตัวแรกในซีรีส์ Galaxy Z คมชัดขึ้น 4 เท่า และความสว่างเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน พร้อมระบบ ProVisual Engine ที่ช่วยปรับโทนภาพสวยขึ้น โดยเฉพาะภาพกลางคืน แบตเตอรี่ 4,400 mAh คุ้มครองจอ 2 ปี พร้อมเปลี่ยนฟิล์มฟรี

Samsung ย้ำว่า คนที่ใช้ตระกูล Z Fold จะไม่ใช่กลุ่มที่เน้นกล้องเป็นหลัก แต่จุดเด่นของรุ่นนี้คือ สามารถรวมร่างมือถือกับแท็บเล็ตไว้ในเครื่องเดียว พกพาง่าย ไม่เป็นภาระ เหมาะกับคนทำงานออฟฟิศ เซลส์ หรือสายทำงานเคลื่อนที่ที่ไม่อยากแบกโน้ตบุ๊ก

Galaxy Z Fold7 จะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 31 ก.ค. 68 ก่อนวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป โดยมีราคาดังนี้

• Galaxy Z Fold7 12/256GB ราคา 67,900 บาท
• Galaxy Z Fold7 12/521GB ราคา 72,900 บาท
• Galaxy Z Fold7 16/1TB ราคา 85,900 บาท

ตามด้วยรุ่น Galaxy Z Flip7 พับเบากว่าเดิม เน้นถ่ายรูปง่ายเอาใจ Gen Z มีการปรับให้บางลงกว่าเดิมถึง 8% พร้อมเพิ่มขนาดหน้าจอด้านนอกเพื่อใช้ถ่ายภาพจากกล้องหลังได้ง่ายขึ้น ช่วยให้เห็นตัวเองขณะถ่ายภาพ

โดยไฮไลต์สำคัญของรุ่นนี้คือ กล้องหลังความละเอียด 50MP พร้อมฟีเจอร์บิวตี้ ปรับสกินโทนอัตโนมัติ แบตเตอรี่เพิ่มเป็น 4,300 mAh ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในตระกูล Z Flip ใช้งานได้นานถึง 31 ชั่วโมงเมื่อชมวิดีโอต่อเนื่องมาพร้อม สีใหม่มิ้นต์ เสริมลุคสดใส โดยที่ผ่านมานั้นในประเทศไทยสีดำยังเป็นสีที่ขายดีที่สุด

เช่นเดียวกับ Galaxy Z Fold7 ตัว Galaxy Z Flip7 เปิดให้จองและกำหนดวางขายในช่วงเวลาเดียวกัน โดย มีให้เลือก 2 รุ่นได้แก่

• Galaxy Z Flip7 12/256GB ราคา 40,900 บาท
• Galaxy Z Flip7 12/512GB ราคา 45,900 บาท

ขณะเดียวกันยังมี Galaxy Z Flip7 FE ให้เลือกอีก 2 สี คือ Black และ White รุ่น 8/128 ราคา 32,900 บาท และ 8/256 ราคา 35,900 บาท

ปัจจุบันสัดส่วนผู้ใช้มือถือรุ่น Z Flip เป็นหญิงสูงถึง 79% โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานอายุ 25–34 ปี และอีก 21% เป็นผู้ชาย

ขณะเดียวกันได้มีการเปิดตัว Galaxy Watch8 และ Galaxy Watch8 Classic อย่างเป็นทางการด้วย โดยมีการระบุว่า มีการพัฒนาให้ตัวเรือนบาง เบา และสวมใส่สบายที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามสุขภาพได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนถึงตอนนอน รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

ตัว Galaxy Watch8 Series มีการปรับปรุงโครงสร้างภายในใหม่ทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพการจัดวางชิ้นส่วนที่ดีขึ้นถึง 30% ส่งผลให้ตัวเรือนบางลงถึง 11% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า รองรับการใช้งานในที่กลางแจ้ง ด้วยหน้าจอที่สว่างขึ้นถึง 50% พร้อมความสว่างสูงสุด 3,000 nits

มีฟีเจอร์ด้านสุขภาพเช่น ntioxidant Index สามารถวัดระดับสารแคโรทีนอยด์ในร่างกายได้ภายใน 5 วินาที เพื่อประเมินความสามารถในการต้านทานสารอนุมูลอิสระ, Bedtime Guidanceช่วยตรวจวัดนาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm) เพื่อแนะนำเวลานอนที่เหมาะสมที่สุด

Vascular Load5 ช่วยวิเคราะห์ระดับความเครียดของระบบหลอดเลือดขณะหลับ เพื่อให้เข้าใจสภาพร่างกายได้ลึกยิ่งขึ้น และ High Stress Alert หากตรวจพบระดับความเครียดสูงจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้หยุดพักทันที ขณะที่ Mindfulness Tracker จะช่วยบันทึกอารมณ์และแนะนำการฝึกลมหายใจ เพื่อคลายความเครียดได้จากบนข้อมือ เป็นต้น

สำหรับ Galaxy Watch8, Galaxy Watch8 Classic และ Galaxy Watch Ultra รุ่นใหม่ พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ โดย Galaxy Watch8 ราคาเริ่มต้น 11,900 บาท ส่วน Galaxy Watch8 Classic ราคาเริ่มต้น 17,900 บาท และ Galaxy Watch Ultra 2025 ราคา 24,900 บาท