ชูงานวิจัย บทบาทสำคัญของ ESG และความเป็นบริษัทข้ามชาติต่อผลตอบแทนหุ้นไทย
ผศ.ดร.กุลบุตร โกเมนกุล อาจารย์ประจำสาขาวิชาการเงิน การลงทุน และเทคโนโลยีการเงิน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับ อาจารย์สุรชัย สวนทับทิม รองคณบดีหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ DPU สร้างผลงานวิจัยคุณภาพระดับนานาชาติในหัวข้อ “IMPACT OF ESG AND MULTINATIONAL CORPORATION ON STOCK RETURNS: EMPIRICAL ANALYSIS OF SET-LISTED COMPANIES” ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Lifestyle and SDGs Review, Volume 5 Issue 6 ซึ่งอยู่ในฐานข้อมูลระดับโลก SCOPUS
งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance: ESG) รวมถึงสถานะของการเป็นบริษัทข้ามชาติ (Multinational Corporation: MNC) ต่อผลตอบแทนของหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่ม sSET โดยใช้ตัวอย่างบริษัทจำนวน 136 แห่ง และวิเคราะห์ด้วยเทคนิคการถดถอยแบบ OLS (Ordinary Least Squares)
จากผลการศึกษา พบว่าสถานะความเป็นบริษัทข้ามชาติ (MNC) มีผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อผลตอบแทนของหุ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจในระดับสากลมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ดีกว่า ในขณะที่ขนาดของบริษัทกลับมีความสัมพันธ์เชิงลบกับผลตอบแทน นั่นหมายความว่า บริษัทขนาดเล็กมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ ส่วนตัวชี้วัดด้านความสามารถในการทำกำไรอย่าง ROA และ ROE ไม่พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงสถิติที่มีนัยสำคัญกับผลตอบแทนหุ้นโดยตรง
สำหรับการดำเนินงานด้าน ESG ผลวิจัยพบว่า แม้จะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทนของหุ้นในตลาดไทยกลุ่ม sSET แต่ ESG ยังคงมีบทบาทสำคัญในมุมมองเชิงกลยุทธ์และความยั่งยืน อาจส่งผลทางอ้อมผ่านความน่าเชื่อถือขององค์กร ภาพลักษณ์ และการปฏิบัติตามมาตรฐานการกำกับดูแลและสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ
ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้มีประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย โดยช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าการเป็นบริษัทข้ามชาติยังคงเป็นปัจจัยเชิงบวกที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในตลาดหุ้นไทย ในขณะที่ ESG แม้จะยังไม่ส่งผลเชิงตัวเลขโดยตรง แต่ก็มีความสำคัญในเชิงภาพลักษณ์และการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
นอกจากนี้ งานวิจัยยังได้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่สอดคล้องกับบริบทของตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวและได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคแตกต่างจากตลาดหลักในประเทศพัฒนาแล้ว
การตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารระดับนานาชาติที่อยู่ในฐานข้อมูล SCOPUS ถือเป็นความสำเร็จที่สะท้อนถึงคุณภาพทางวิชาการและศักยภาพของนักวิจัยไทยในการสร้างองค์ความรู้ที่สามารถแข่งขันในระดับโลก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมบทบาทของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในการเป็นศูนย์กลางแห่งความรู้ด้านการเงิน การลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ตอบโจทย์อนาคต
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ https://sdgsreview.org/LifestyleJournal/article/view/6912