'Latte Factor' เปลี่ยนเงินน้อยในวันนี้ ให้เป็นเงินล้านในวันหน้า

ติดตามบทความการเงิน การลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ Facebook | Blockdit

วันนี้#เด็กการเงิน ขอพาทุกคนมารู้จัก Latte Factor จากหนังสือ Automate Millionaire เขียนโดยคุณ David Bach ซึ่งทำให้เราเข้าใจเล็กๆ แต่มีพลังมหาศาลได้ นั่นก็คือค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นเป็นประจำ มันคือต้นทุนที่ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นก็จริง แต่มันแลกกับโอกาสในการออมที่สูญเสียไปโดยไม่รู้ตัว

โดยการเปรียบเทียบนั้นเริ่มจากเจ้ากาแฟลาเต้แก้วจิ๋ว ที่เราอาจจะต้องเสียเงินทุกวันเพื่อดื่มมัน (แต่บางคนอาจจะบอกว่าถ้าไม่ดื่มกาแฟ จะทำงานไม่ได้เลยนะ 555) ประเด็นอยู่ตรงที่การที่เราเสียค่าใช้จ่ายไปทุกวันกับบางสิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนเป็นเงินออมได้ จะทำให้เราจะมีเงินมหาศาลในอนาคตนั่นเอง

เงินที่เราเสียไป = โอกาสที่จะนำเงินออมไปลงทุน

เราขอเรียกว่า "เงินออมที่หายไป" ละกันนะ

ตัวอย่าง:

1. ซื้อล๊อตเตอรี่งวดละ 500 บาท หรือ เดือนละ 1,000 บาท

--อีก 20 ปี มันคือเงินเก็บเกือบครึ่งล้าน !

2. ซื้อกาแฟวันละ 60 บาท หรือ เดือนละ 1,800 บาท

--อีก 20 ปี มันคือเงินเก็บ 831,670 บาท

3. ชอปปิ้งออนไลน์ หรือชอปปิ้งเป็นประจำ ฮีลใจ เดือนละ 4,000 บาท

--อีก 15 ปี มันคือเงินเก็บ 1.1 ล้าน และ 20 ปีเกือบ 2 ล้าน !

4. ซื้อ In-apps เกมออนไลน์ สมัครดูStreaming TV หรือ TV on Demand และ เปย์ OnlyFans !!

-- สิ่งที่เรา subscribe ไปในวันนี้ มันอาจจะเป็นเงินล้านในวันข้างหน้า !!

ปล. บางคนเสียเดือนละเป็นหมื่น 555 ระวังนะครับ สิ่งเหล่านี้มาในรูปแบบการตัดบัตรเครดิตเป็นประจำทุกเดือน Sub อะไรไว้แล้วไม่ค่อยได้ดู ต้องยกเลิกออกโดยเร็ว

เคล็ดลับที่ทำให้เงินมันสะสมและงอกเงยประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน

1. Compounding Effect หรือการที่เงินลงทุน สามารถนำผลตอบแทนมาทบต่อ เพื่อให้มีมูลค่ามากขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

2. Return ถ้าเราเลือกการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง (แลกมาด้วยความเสี่ยงสูง) การ compound ก็จะทำให้ผลตอบแทนสูงทบมากขึ้น ในตัวอย่างเราใช้ 6% เป็น moderate risk return ที่เป็นไปได้

3. เวลา ถ้าเวลาผ่านไปยิ่งนานขึ้น Compounding effect และ return จะทำให้ผลตอบแทนเป็นทวีคูณ ไม่ใช่เส้นตรง

ดังนั้น (1) เงินที่เสียไปโดยไม่จำเป็น สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินที่มีปริมาณและมูลค่ามากขึ้นในอนาคตได้

ดังนั้น (2) เราควรหมั่นสำรวจค่าใช้จ่ายที่เราเสียไปในแต่ละวัน / แต่ละสัปดาห์ / แต่ละเดือน ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ นี่คือจุดเริ่มต้นของการวางแผนการเงินให้กับตัวเราในการ control ค่าใช้จ่าย และแยกค่าใช้จ่ายจำเป็นและไม่จำเป็นออกจากกันได้

ดังนั้น (3) นิสัย หรือ habit ของเราสำคัญมาก ที่จะทำให้เรามีเงินออม เพียงพอที่จะใช้กับเป้าหมายต่างๆหรือไม่ เมื่อทำการคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นนิสัยแล้ว เราจะมีเงินออมมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเราก็ยังเชื่อว่าการออมที่มากเกินไปนั้นอาจจะทำให้เราไม่มีความสุขได้

การออมต้องอยู่ตรงกลางระหว่างทำได้และมีความสุขด้วย ..เห็นด้วยไหมครับ?

Reference:

Automate Millionaire -by David Bach

The Latte Factor: 7 Key Lessons We Can Learn From A Cup of Coffee -by Rob Berger

ติดตามบทความการเงิน การลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ Facebook | Blockdit