โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

'แลนด์บริดจ์'เดินหน้าประกวดราคาปี69มุ่งยั่งยืนหลังชุมชนห่วงสิ่งแวดล้อม-วิถีชีวิต

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เมื่อวันที่ 21 - 22 ส.ค. 2568ที่ผ่านมา ที่ จังหวัดระนองและชุมพร เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาข้อมูลรายละเอียดของโครงการ ข้อมูลและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและข้อมูลรูปแบบการลงทุนจากข้อเสนอแนะของภาคเอกชนไทยและต่างชาติ โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมการสัมมนา

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้เป็นการนำเสนอสรุปผลการศึกษาข้อมูลรายละเอียดโครงการฯ ในทุกประเด็น จากการศึกษาพบว่าโครงการฯ มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการลงทุน (EIRR) คิดเป็น 17.38% (กรณีวิเคราะห์เฉพาะท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง และการพัฒนาพื้นที่หลังท่า)

รูปแบบโครงการฯ ประกอบด้วย ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทย ทำเลที่ตั้งบริเวณแหลมริ่ว จังหวัดชุมพร และท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามัน ทำเลที่ตั้งบริเวณแหลมอ่าวอ่าง จังหวัดระนอง เชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งด้วยเส้นทางคมนาคม ผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด 2 อำเภอ 9 ตำบล รวมระยะทาง 89.35 กิโลเมตร ประกอบด้วย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 6 ช่องจราจร ทางรถไฟขนาดรางมาตรฐาน (Standard Gauge) และทางรถไฟขนาดราง 1 เมตร (Meter Gauge) พร้อมถนนบริการ ภายในพื้นที่เขตทาง 175 เมตร ระบบขนย้ายตู้สินค้าที่ท่าเรือเป็นระบบท่าเรืออัตโนมัติ (Automation Port) การบริหารจัดการท่าเรือที่ทันสมัย (Smart Port) และการบริหารท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Port) รวมทั้งพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์หลังท่าที่เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากมีการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ จะสามารถลดเวลาในขนส่งตู้สินค้าได้ถึง 4 วัน และสามารถลดต้นทุนการขนส่งลงถึง 15% และจะทำให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าในการนำเข้าและส่งออก ตู้สินค้าของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ สนข. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชน และศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างรอบด้านจากการพัฒนาโครงการ ได้แก่ 1. การพัฒนาระบบคมนาคมทั้งทางถนน รถไฟ และสนามบินในพื้นที่ ทำให้เกิดความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน และการขนส่งตู้สินค้าเพื่อกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

2. การสร้างโอกาสการจ้างงานในพื้นที่และทั้งประเทศถึง 280,000 ตำแหน่ง 3. การเพิ่มโอกาสของภาคเอกชนไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและประมง อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ยา เวชภัณฑ์ ธุรกิจบริการ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และ 4. เกิดการพัฒนาต่อเนื่องทั้งด้านสาธารณสุข การศึกษา และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

นอกจากนี้ ในการศึกษามีการระบุให้มีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาอาชีพเพื่อส่งเสริมทักษะให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อรองรับการจ้างงานของคนในพื้นที่เข้าทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการพัฒนาโครงการ

ทั้งนี้ ภายในงานสัมมนาฯ ทั้ง 2 จังหวัด พบว่า ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเล ผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน การทำประมงพื้นบ้าน การขุดลอกเพื่อทำท่าเรือจากการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ และต้องการทราบถึงมาตรการในการชดเชยเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นอย่างไร เป็นต้น

“สนข. ได้รับทราบข้อกังวลทั้งหมดจากประชาชน และนำผลการรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ไปประกอบร่วมกับผลการศึกษาเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งกำหนดมาตรการชดเชยเยียวยาแก่ประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยึดหลักการพัฒนาโครงการให้เกิดความยั่งยืน เพื่อให้โครงการสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนควบคู่กับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม”

โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบอาชีพของคนท้องถิ่นผ่านกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ในการศึกษามีการกำหนดให้ผู้รับผิดชอบโครงการทำการจัดตั้งกองทุน โดยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สมทบเงินเข้ากองทุนและนำเงินในกองทุนเพื่อไปใช้ในการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทำให้การศึกษาโครงการมีความสมบูรณ์และสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การดำเนินการในขั้นตอนต่อไป สนข. กำลังจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาเพื่อดำเนินการจัดหานักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโครงการ ซึ่งจะมีความพร้อมในการประกวดราคาในปี2569 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่และประชาชนทั้งประเทศมีความกินดีอยู่ดี มีรายได้และมีงานทำต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

เปิดตัว ‘Santa Fe’ โฉมใหม่ แฟลกชิปสาขาแรกใจกลางสยามสแควร์

11 นาทีที่แล้ว

'เสี่ยจ๊ะ' ไล่ 'ภูมิธรรม' ตัดขา ชื่อหลุดโผนักเรียน วปอ. ปี69

22 นาทีที่แล้ว

ใหญ่สุดเท่าที่เคยมี! โคเรียนแอร์สั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 103 ลำ

41 นาทีที่แล้ว

ห้างเซ็นทรัลผนึกยักษ์ใหญ่ 72 แบรนด์ ดัน ‘Shop&Win’ เจาะนักช้อปทั่วโลก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

เปิดตัว ‘Santa Fe’ โฉมใหม่ แฟลกชิปสาขาแรกใจกลางสยามสแควร์

กรุงเทพธุรกิจ

เดนมาร์ก ประกาศละเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มหนังสือ 25% แก้วิกฤตการอ่าน

SpringNews

Jung Kook วง BTS เป็นศิลปินเดี่ยวเอเชียคนแรกที่มีเพลงแตะพันล้านสตรีม 4 เพลงบน Spotify

THE STANDARD

ครม.ไฟเขียวตั้งซี10 ศธ. ‘ภัทริยวรรณ’ นั่งรองเลขาธิการกพฐ. ‘ภูธร-นิยม’ ขยับขึ้นผู้ตรวจฯ

MATICHON ONLINE

ครม.ไฟเขียวตั้งบิ๊กศธ.ซี10 ‘ภัทริยวรรณ’ คว้าเก้าอี้รองเลขาธิการกพฐ. ‘ภูธร’ ขยับขึ้นผู้ตรวจราชการ

MATICHON ONLINE

เปิดตัว “เซนต์-ยู” จาก “KissCross” Virtual Idol Duo คู่แรกของไทย มาพร้อมกิจกรรมและแคมเปญแบบชุดใหญ่ไม่มีกั๊ก!

Mango Zero

วิธีจัดการ "ขยะ" แต่ละประเภทอย่างละเอียด เปลี่ยนขยะให้เป็นประโยชน์

sanook.com

‘คิดงานไม่ออก ให้ออกไปเดินเล่น’ เมื่อเมืองที่อนุญาตให้เราได้เดินไม่ใช่แค่กระตุ้นความคิด แต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

a day magazine

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...