ป.ป.ท. จี้เร่งแก้ปัญหาล่าช้า รถไฟทางคู่ “บ้านไผ่–นครพนม” ติดเวนคืนที่ดิน-ผ่านบ่อขยะ-โบสถ์วัดป่า
วันที่ 19 ส.ค.68 เวลา 09.30 น.ณ ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน พล.อ.อรชัย บุญสุขจิตเสรี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายโฆษิต เหล่าสุวรรณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดร.อรรถพล เก่าประเสริฐ วิศกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง พร้อมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้า โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
จากการประชุมพบว่าปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญ นายวรวิทย์พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวสรุป ถึงสาเหตุของโครงการที่ต้องล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด พบว่ามีที่ดินในพื้นที่ของจังหวัดนครพนม ที่ต้องถูกเวนคืนเพื่อก่อสร้างทางรถไฟจำนวน 2,382แปลง และส่งมอบพื้นที่ 2,115แปลง คิดเป็น 91% โดยส่วนใหญ่คืบหน้าไปมากแล้ว เป็นพื้นที่ออกโฉนดและ นส.3 ส่วนสำหรับพื้นที่ นสล. พื้นที่ สปก. ที่ดินของธนารักษ์และพื้นที่ของป่าไม้ พบว่ายังมีปัญหาของการรังวัดและเวนคืนที่ดิน รวมถึงในบางพื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของหน่วยงานท้องถิ่น เทศบาลและ อบต. ซึ่งจะต้องมีความเห็นชอบจากสภาฯ ตลอดถึงแนวเวนคืนที่ดินพาดผ่านสิ่งปลูกสร้างและที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งมีขั้นตอนการโอนย้ายที่ซับซ้อนและอาจต้องใช้เวลานาน เป็นเหตุสำคัญทำให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาได้ทันตามแผนที่กำหนดไว้ แต่อย่างไรก็ตาม จากการประชุมปรึกษาหาทางออกในครั้งนี้ คาดว่าปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวจะลุล่วงแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2569 อย่างแน่นอน
ดร.อรรถพล เก่าประเสริฐ วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างโครงการมีความก้าวหน้า 5.7% และมีความล่าช้ามากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 50% ซึ่งผลจากการประชุมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งรัด ทางการรถไฟเอง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้มาช่วยติดตามของขบวนการเวรคืน ขณะเดียวกันจากการสำรวจพื้นที่ก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ตนเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าต้องตัดเส้นทางผ่านตรงกลางโบสถ์ของวัดป่าแห่งหนึ่งและรวมถึงบ่อขยะขนาดใหญ่ของเทศบาลเมืองนครพนม แต่อย่างไรก็ตามก็ได้มีการหารือและแนวโน้มในการเดินหน้าโครงการต่อไปที่ดีขึ้น จึงค่อนข้างมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวนี้ จะบรรลุเป้าหมายและแล้วเสร็จทันใน ปี 2570 อย่างแน่นอน
พลเอก อรชัย บุญสุขจิตเสรี กรรมการ สปท.ป.ป.ท.กล่าวถึง การที่ลงพื้นที่เพื่อต้องการติดตามปัญหาการเวนคืนและส่งมอบที่ดินที่ล่าช้า พบว่าจากการติดตามและสำรวจพื้นที่ของ จ.มหาสารคาม จ.มุกดาหาร และ จ.นครพนม ในครั้งนี้พบว่าแนวเส้นทางก่อสร้างการก่อสร้างที่พาดผ่านพื้นที่ของ จ.นครพนม มีระยะทางราวประมาณ 78 กม. ถือว่ามีไม่มากเท่าไหร่ ต่างจากพื้นที่ของ 2 จังหวัดข้างต้น แต่มีปัญหาคลาสสิคเกิดขึ้น 2 ปัญหา ปัญหาแรก คือ เส้นทางรถไฟที่ต้องตัดผ่านบ่อขยะ เป็นเหตุให้เทศบาลเมืองนครพนม อ้างว่าจะต้องหาซื้อที่ใหม่และขนย้ายขยะที่อยู่ในแนวเวนคืนออกไปให้แล้วเสร็จ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเคลื่อนย้ายราว 10 เดือน ซึ่งคิดว่าไม่ควรต้องใช้เวลาเคลื่อนย้ายกองขยะเนิ่นนานขนาดนั้น จึงขอให้ทางเทศบาลเมืองนครพนมจะเร่งรัดเวลาให้รวดเร็วกว่าเดิม และหวังว่าควรเสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีนี้ ส่วนปัญหาคลาสสิคที่ 2 ถัดมา พบว่าในแนวเส้นทางเวนคืนที่ดิน ได้มีการตัดผ่านกลางโบสถ์ของวัดป่าแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการรื้อและสร้างโบสถ์ใหม่ ทำให้ต้องมีกระบวนการขั้นตอน ผาติกรรม(ตัดออก) ยื่นต่อทางเถรสมาคม เจ้าคณะภาค สำนักงานพุทธศาสนา ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ อุปสรรคสำคัญหากการเวนคืนพื้นที่ล่าช้า ทางผู้ประกอบการรับเหมาได้แสดงความกังวลว่า พื้นที่และสภาพอากาศของ จ.นครพนม การก่อสร้างจะทำได้เฉพาะช่วงหน้าแล้งเท่านั้น เนื่องจากในระหว่างช่วงฤดูฝนจะมีฝนตกค่อนข้างต่อเนื่อง ดังนั้นหากการส่งรับมอบพื้นที่เพื่อการก่อสร้างไม่ทันกำหนดก่อนช่วงหน้าแล้งที่จะใกล้เข้ามาก็ไม่มีประโยชน์ต่อทำงาน ที่สำคัญยังทำให้พี่น้องประชาชนต้องเสียประโยชน์โดยตรง แม้ว่าโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม จะมีความล่าช้าออกไปประมาณ 35-40% จากแผนที่กำหนดไว้ก็ตาม เชื่อว่าจากการพยายามในการเร่งรัดและลดขั้นตอนดำเนินงาน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการเวนคืนที่ดิน จึงมั่นใจว่าจากการประชุมวางแผนลดปัญหาขั้นตอนและอุปสรรคต่างๆในครั้งนี้ จะทำให้สามารถการส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเปิดบริการการเดินรถให้ทันในปี 2570 ต่อไป.