‘ทนายอั๋น’ หอบเอกสารร้อง DSI ตรวจสอบ โฉนดที่ดินพื้นที่ไข่แดงเขากระโดง 999 แปลง
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในการออกโฉนดที่ดินจำนวน 1,280 แปลง ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตามโครงการเร่งรัดออกโฉนดที่ดินในปีงบประมาณ 2555 ในยุคของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย ว่ามีการออกโฉนดทับซ้อนในพื้นที่การรถไฟเขากระโดงหรือไม่ และ/หรือ จำนวนเนื้อที่เท่าใด เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินตามกฎหมายภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยมี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนรับเรื่อง
โดย นายภัทรพงศ์ เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่ามีกลุ่มคน 3 กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับที่ดินเขากระโดงออกมาชี้แจง ประกอบด้วย 1.กลุ่มทนายความฝ่ายกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีนายทิวา การกระสัง ที่ได้มีการพูดขึ้น "กู" กับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จากนั้นจึงได้มีการมากล่าวขอโทษ รวมไปถึงกลุ่มสองพ่อลูกที่ทำงานให้กับตระกูลใหญ่ในจังหวัดบุรีรัมย์ 2.กลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ในศูนย์กีฬา (Sport) ในพื้นที่เขากระโดง 3.กลุ่มพี่น้องประชาชน จำนวน 995 ราย ที่มีการถือครองที่ดิน 999 แปลง ตนจึงมาขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะประเด็นของชาวบ้าน 995 ราย ว่าโฉนดที่ดินที่ครอบครองอยู่นั้น เป็นการออกโฉนดช่วงใด ไม่แน่ใจว่าปี พ.ศ. 2515 พ.ศ. 2517 หรือ พ.ศ. 2519 และมีการแบ่งแยกการออกโฉนดดั้งเดิมอย่างไร สมมุติหากเป็นการออกโฉนดที่ดินในช่วงปี พ.ศ. 2554 หรือ พ.ศ. 2555 ภายใต้โครงการเร่งรัดออกโฉนดที่ดินในปีงบประมาณ 2555 โดยที่มี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ในสมัยนั้น และมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มีนายโสภณ ซารัมย์ เป็น รมว.คมนาคม ทั้งนี้ ที่ตนต้องเอ่ยชื่อทั้ง 3 รายนี้ เนื่องจากเมื่อ 15 ปีที่แล้ว มันมีวลีเด็ดที่ว่า “มันจบแล้วครับนาย” จากนั้นก็มีการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
นายภัทรพงศ์ เผยอีกว่า สำหรับการออกโฉนดในปีดังกล่าวภายใต้โครงการเร่งรัดออกโฉนดที่ดินในปีงบประมาณ 2555 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2554-วันที่ 30 ก.ย. 2555 ซึ่งถ้าออกในช่วงปีดังกล่าวนี้ ตนจะไม่ว่าอะไร เพราะโครงการนี้มันเป็นการออกทั่วประเทศ และใช้งบประมาณเกือบ 700 ล้านบาท รวมทุกภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ โดยเฉพาะในส่วนของภาคอีสาน จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองคาย จังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลำภู แต่หากเฉพาะไปดูที่จังหวัดบุรีรัมย์ กลับมีการออกโฉนดทั้งหมด 1,280 แปลง ซึ่งถ้าหากเป็นการออกโฉนดเจาะจงไปที่บริเวณที่เป็นไข่แดงอยู่ในพื้นที่เขากระโดง ตนจะมีความติดใจ เพราะมันย่อมเป็นการออกโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างแน่นอน มีเจตนาทุจริตช่วยเหลือกัน
นายภัทรพงศ์ เผยต่อว่า หากย้อนไปก่อนที่โครงการออกโฉนดที่เริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. 2554-30 ก.ย. 2555 ก่อนหน้านั้นได้มีคำวินิจฉัยของสำนักงาน ป.ป.ช. วันที่ 12 ก.ย. 2554 ซึ่งเป็นเวลาก่อนหนึ่งเดือนที่ ป.ป.ช. วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเขากระโดงเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการชี้มูลนายชัย ชิดชอบ ว่ามีการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐในการออกโฉนดที่ดินเขากระโดง เช่นนี้ก็แสดงว่าที่ดินดังกล่าวมันชัดเจนว่าเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งถ้าหากโครงการของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ออกโฉนดมาทีหลัง โดยเฉพาะบริเวณไข่แดงเขากระโดง มันคือการมิชอบด้วยกฏหมาย สุ่มเสี่ยงว่าจะมีความผิดหรือไม่
นายภัทรพงศ์ เผยด้วยว่า นอกจาก ป.ป.ช. ชี้มูลบุคคลดังกล่าวและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้ว ทางกรมที่ดินได้มีการทำหนังสือด่วนที่สุดไปยังอัยการ เพื่อสอบถามว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร จะเพิกถอนหรือไม่ ซึ่งทางอัยการคล้ายว่าตอบกลับขอให้กรมที่ดินใจเย็นๆ เพราะที่ดินเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ก็ต้องให้การรถไฟไปฟ้องขับไล่ แต่ปรากฏว่าการรถไฟไม่เคยไปฟ้องขับไล่กับใครเลย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) ตนอาจนำเอาของขวัญที่ดินเขากระโดงไปมอบให้กับผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เพราะถือว่าคุณมีการเพิกเฉยมาโดยตลอด เป็นการเล่นตามเกมการเมือง จึงสมควรแล้วที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่าให้การรถไฟฯ ไปฟ้องกับศาลเอาเอง
"ถ้าโครงการของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นการเริ่มโครงการหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วว่าที่ดินเป็นของการรถไฟ ก็ถือว่ามีเจตนาทุจริตหรือไม่ ตนจึงขอให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบว่ามีที่ดินกี่แปลงที่มีการออกให้ชาวบ้านตามที่มีการกล่าวอ้างในโครงการ และที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นการได้โฉนดที่ดินมาโดยสุจริตหรือได้มาโดยการซื้อ จะมาขับไล่ชาวบ้านตาดำๆ ได้อย่างไร ก็ต้องดูว่าชาวบ้าน 995 ราย ได้รับการออกโฉนดที่ดินในปีใด และเป็นการออกภายใต้โครงการดังกล่าวหรือไม่" ทนายอั๋น ระบุ
ทนายอั๋น ปิดท้ายว่า ตนทราบว่าในช่วงสัปดาห์หน้า ดีเอสไอจะมีการลงพื้นที่ไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเข้าพบส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประสานเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับสารระบบที่ดินพื้นที่พิพาทเขากระโดง รวมไปถึงรายชื่อผู้ครอบครองโฉนดที่ดินทั้งหมด ทั้งนี้ หากดีเอสไอได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง แล้วพบว่ามีการทุจริตการออกโฉนดที่ดินในโครงการดังกล่าวจริง ก็ขอให้ดีเอสไอได้ใช้หนังสือข้อมูลของตนเองในวันนี้ เป็นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษในโอกาสต่อไป.