ถกร่างงบ69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท GDP โตต่ำ 2.3-3.3% ไม่ตรงปก?
รัฐบาลเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงินรวม 3.78 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 70% รายจ่ายเพื่อการลงทุน 22.7% รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 4% และรายจ่ายชดเชยเงินคงคลัง 3.3%
การพิจารณาในวาระแรกมีการปรับลดงบรวมกว่า 8,920 ล้านบาท โดยกระทรวงมหาดไทยถูกตัดงบมากที่สุด 2,140 ล้านบาท ขณะที่งบที่ถูกปรับลดนำไปเพิ่มให้รัฐวิสาหกิจ 4,000 ล้านบาท และกระทรวงการคลัง 1,500 ล้านบาท
เศรษฐกิจปี 2569 คาด GDP โตเพียง 2.3-3.3% ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ขณะที่ความสามารถในการแข่งขันไทยตกจากอันดับ 25 เหลือ 30 ในปี 2024 ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่าการจัดสรรงบยังไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
พิชัยชี้แจงงบ 69 ยันพิจารณาตามนโยบาย-ยุทธศาสตร์ชาติ ลดงบ 8.9 พันล้านบาทไปเพิ่มโครงการเร่งด่วน
นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 และ 3 ว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ดำเนินการพิจารณางบประมาณอย่างรอบคอบ โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
นายพิชัยกล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณครั้งนี้ได้คำนึงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2569 ที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และรายจ่ายของรัฐ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับ มาตรการกีดกันทางการค้า จากประเทศคู่ค้าสำคัญ และการวางแผน ลดหนี้สาธารณะในระยะยาว เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้ ปรับลดงบประมาณรวม 8,920,781,300 บาท จากหน่วยงานที่มีการใช้จ่ายไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ และได้นำงบประมาณที่ปรับลดได้ไปเพิ่มให้กับโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง เช่น งบกลางสำหรับเงินสำรองจ่ายฉุกเฉิน, สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล, กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและ PM 2.5 และการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ เป็นต้น
"ณัฐพงษ์" แฉงบ 69 ไม่รอบคอบ แนะแก้ 2 วิกฤต-2 สงคราม จี้ลด 5% สร้างอนาคตประเทศ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า การจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ยังขาดความรอบคอบและไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ
นายณัฐพงษ์ชี้ว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้รองรับ 2 วิกฤตและ 2 สงครามที่กำลังเผชิญ ได้แก่ วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา, วิกฤตการเมือง, สงครามการค้า รวมถึง กระบวนการนิติสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแปรญัตติกลับมาของรัฐบาลยังคงเน้นการจัดสรรงบประมาณแบบเดิมๆ เช่น สร้างตึก ตัดถนน และขุดคลอง แทนที่จะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างอนาคตอย่างแท้จริง
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังระบุถึงความน่าผิดหวังของการแปรญัตติ ที่ถึงแม้จะมีการปรับลดงบลงทุนในบางส่วน แต่กลับไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อีกทั้งยังพบการแปรญัตติเพิ่มเงินในส่วนรายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือนบุคลากรในองค์กรอิสระ ซึ่งควรจะตั้งมาอย่างครบถ้วนตั้งแต่แรก จึงได้เสนอขอปรับลดงบประมาณในภาพรวมลง 5% เพื่อให้ประเทศมีพื้นที่ทางการคลังสำหรับลงทุนในอนาคต