โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘พลังงานไฮโดรเจน’ เส้นทางสู่ ‘อุตสาหกรรมปลอดคาร์บอน’

The Bangkok Insight

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • The Bangkok Insight

การประยุกต์ใช้พลังงานไฮโดรเจนในภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง ระบบกักเก็บพลังงาน ขับเคลื่อนเส้นทางสู่อุตสาหกรรมปลอดคาร์บอน

ปัจจุบัน พลังงานไฮโดรเจน ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในการนำมาประยุกต์ใช้กับภาคอุตสาหกรรมหลากหลาย อย่างไรก็ตาม การนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ ในด้านต้นทุนที่สูงกว่าพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

พลังงานไฮโดรเจน

ดังนั้น การนำไฮโดรเจนมาใช้ในระยะเริ่มต้นควรมุ่งเน้นไปที่ ภาคอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฮโดรเจนในกระบวนการผลิต หรือ ไม่มีทางเลือกอื่นที่สามารถทดแทนได้ ซึ่งภาคส่วนเหล่านี้มักถูกเรียกว่า Hard-to-abate sectors

ทำความรู้จัก Hard-to-abate Sectors

อุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้ยาก หรือ Hard-to-abate Sector เป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น มีความต้องการใช้พลังงานความร้อนที่อุณหภูมิสูง หรือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการผลิต ซึ่งไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การให้ความร้อนอุณหภูมิสูงในกระบวนการ เช่น การผลิตปูนซีเมนต์

หรือใช้งานในภาคส่วนที่ใช้งานไฮโดรเจนเป็นสารตั้งต้นในกระบวนการ (Feedstock) อุตสาหกรรมโรงกลั่นและปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็ก และการผลิตปุ๋ย เป็นต้น โดยไฮโดรเจนส่วนใหญ่ในปัจจุบันผลิตจาก ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมาก ดังนั้น ภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก สำหรับการนำไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจก

การประยุกต์ใช้ไฮโดรเจนในภาคอุตสาหกรรม

  • ภาคขนส่ง

การเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด นับเป็นแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นทางเลือกหลักที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงาน โดยเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าผ่านเซลล์เชื้อเพลิง และ Battery Electric Vehicle (BEV) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่โดยตรง

ปัจจุบันยานยนต์ไฟฟ้าทั้งสองประเภท กำลังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย BEV มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากกว่า เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับ มีสถานีชาร์จที่สะดวกและครอบคลุม โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในเมืองที่มีระยะการเดินทางใกล้ถึงปานกลาง

อย่างไรก็ตาม BEV มีข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ไม่เหมาะกับการขนส่งระยะไกล เช่น ระยะทางจำกัดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างนาน และแบตเตอรี่หนัก มีขนาดใหญ่ ส่งผลให้พื้นที่ใช้สอยจำกัด และบรรทุกน้ำหนักสินค้าได้น้อยลง

ขณะที่ FCEV สามารถแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้ได้ เนื่องจากระยะทางวิ่งไกลกว่ามากต่อการเติมหนึ่งครั้ง การใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงเร็วกว่าการชาร์จแบตเตอรี่ และใช้ถังบรรจุไฮโดรเจนแทนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้บรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า

ดังนั้น ยิ่งระยะทางไกลขึ้น และน้ำหนักในการบรรทุกสินค้ามากขึ้นเท่าไร รถ FCEV ก็ยิ่งแสดงข้อได้เปรียบและมีความเหมาะสมในการใช้งานมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ FCEV จึงเหมาะสมสำหรับการขนส่งสินค้าระยะไกลอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่สิ่งแวดล้อม

หากมองไปในอนาคต คาดว่า FCEV จะมีต้นทุนต่ำกว่า BEV ทำให้ไฮโดรเจนจะกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยให้การเดินทางเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีเติมไฮโดรเจน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน

  • ระบบกักเก็บพลังงาน

ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการสะสมพลังงานที่ผลิตได้จากแหล่งต่าง ๆ โดยเฉพาะจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม และน้ำ เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงเวลาที่แหล่งผลิตพลังงานไม่สามารถจ่ายไฟได้ตามความต้องการ

ทั้งนี้ ระบบ ESS จะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับการใช้พลังงาน โดยกักเก็บพลังงานส่วนเกินที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการผลิตมากกว่าความต้องการใช้ และจัดเก็บในรูปแบบต่าง ๆ เช่น พลังงานไฟฟ้าเคมี พลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานเชิงกล ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เลือกใช้

จากนั้น เมื่อเกิดภาวะพลังงานขาดแคลน หรือเมื่อความต้องการใช้พลังงานสูง ระบบจะทำการแปลงพลังงานที่สะสม กลับมาใช้งานในรูปแบบของ พลังงานไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการส่งผ่านและใช้งานต่อในระบบไฟฟ้า

หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ได้รับความสนใจสำหรับการกักเก็บพลังงานสะอาด คือ แบตเตอรี่ และ ไฮโดรเจน ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีมีหลักการทำงานและข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน

จะเห็นได้ว่าระบบแบตเตอรี่ (BESS) เหมาะสำหรับการเก็บพลังงานระยะสั้นถึงปานกลาง (ตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงถึงหลายชั่วโมง) เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ภายในบ้าน ระบบสำรองไฟระยะสั้น เป็นต้น แต่ไม่เหมาะสำหรับการเก็บพลังงานในระยะยาว เนื่องจากมีการคายประจุ (สูญเสียพลังงาน) และมีต้นทุนสูง เมื่อขยายขนาดการเก็บพลังงานขนาดใหญ่

ขณะที่ระบบไฮโดรเจน (HESS) เหมาะสำหรับการเก็บพลังงานระยะยาว หรือการเก็บพลังงานตามฤดูกาล เพราะไม่มีการสูญเสียพลังงานในระหว่างที่เก็บพลังงานเป็นระยะเวลานาน รวมถึงการใช้ในระบบสำรองไฟที่ต้องการความต่อเนื่องยาวนาน เช่น ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ โรงพยาบาล หรือระบบสำรองไฟในพื้นที่ห่างไกล และพื้นที่ที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลัก (Off-grid) หรือพื้นที่ห่างไกลที่มีการใช้พลังงานหมุนเวียน

อย่างไรก็ตาม แนวทางสำหรับระบบกักเก็บพลังงานที่มีความยั่งยืนมากที่สุด คือ การผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม โดยใช้แบตเตอรี่เพื่อรองรับความต้องการพลังงานในช่วงสั้นถึงกลาง และใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนในการเพิ่มเสถียรภาพของระบบในระยะยาว ซึ่งจะตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ที่อยู่นอกระบบสายส่งหลักหรือ off-grid

ความปลอดภัยของพลังงานไฮโดรเจน

ไฮโดรเจน (H2) เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติน้ำหนักเบา โดยเบากว่าก๊าซธรรมชาติถึง 8 เท่า ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และแม้จะเป็นก๊าซไวไฟ แต่กลับปลอดภัยกว่าที่หลายคนเข้าใจ ในกรณีที่เกิดการรั่วไหล ไฮโดรเจนจะลอยขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็ว ไม่สะสมอยู่ในพื้นที่ต่ำ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุจากการสะสมของก๊าซในพื้นที่ปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยคุณสมบัติที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนี้ ไฮโดรเจนจึงได้รับความนิยมในการนำมาใช้เป็น พลังงานสะอาด ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ยานยนต์ และการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะในเทคโนโลยีรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยเทียบเท่ากับระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) หรือ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งในด้านการจัดเก็บ การขนส่ง และการควบคุมการรั่วไหล

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญในปัจจุบัน ไม่ได้มาจากข้อจำกัดทางเทคนิค แต่เป็นเรื่องของต้นทุน ทั้งในด้านราคาของเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และค่าใช้จ่ายในการลงทุนสำหรับสถานีเติมเชื้อเพลิง

ความปลอดภัยในการใช้ไฮโดรเจนภาคขนส่ง

  • การพัฒนาเทคโนโลยี : ปัจจุบันมีการติดตั้งสถานีเติมไฮโดรเจน กว่า 900 สถานีทั่วโลก และ ผู้ผลิตรถยนต์ได้ลงทุนนวัตกรรมในการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการออกแบบรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจในทุกการเดินทาง
  • การเติมเชื้อเพลิง: การเติมไฮโดรเจนต้องทำที่สถานีเติมเชื้อเพลิงที่ได้รับการรับรองและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
  • การบำรุงรักษา: การบำรุงรักษารถยนต์ไฮโดรเจนควรทำโดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง

สำหรับประเทศไทย ไฮโดรเจนได้มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เช่น โรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานเคมี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และความชำนาญในการจัดการกับก๊าซไฮโดรเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น ไฮโดรเจนจึงไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่สิ่งที่เราเริ่มต้นจากศูนย์ พลังงานไฮโดรเจนไม่เพียงแต่ปลอดภัย แต่ยังเป็นพลังงานสะอาดที่สามารถขับเคลื่อนการใช้พลังงานสู่ความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Bangkok Insight

โอ้โห! เซ็ตนี้ยอมแพ้เลย อั้ม พัชราภา หน้าเด็กมาก นึกว่า 20 กว่า ๆ

14 นาทีที่แล้ว

คาดหุ้นไทยแกว่ง Sideway กรอบ 1,240-1,280 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นเด่น MSCI

14 นาทีที่แล้ว

บขส. เผยยอดเดินทางหยุดยาววันแม่ กว่า 3.8 แสนคน ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง

30 นาทีที่แล้ว

จับตา!! ศาลรัฐธรรมนูญนัดวันชี้ชะตา ‘อุ๊งอิ๊ง’ ปมคลิปเสียงสนทนา ‘อังเคิลฮุนเซน’

30 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

Perplexity ทุ่ม 3.45 หมื่นล้านดอลลาร์ เสนอซื้อเบราว์เซอร์ Chrome จาก Google

THE STANDARD

ลุงวัย 68 งดเหล้าเข้าพรรษา พบเป็นตะคริวจมน้ำดับขณะหาปลา

สยามนิวส์

ประชุมโต๊ะกลมเศรษฐกิจจีน : จีนมี ‘ระบบอุตสาหกรรมทางทะเล’ ใหญ่-ครบวงจรสุดในโลก

Xinhua

ผบ.ทร. ยันอีก 3 ปี จะได้เห็นเรือดำน้ำ เตรียมคัดกำลังพลใหม่

คมชัดลึกออนไลน์
วิดีโอ

ไต้หวัน ปิดพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้และตะวันออก มือกับพายุไต้ฝุ่น "โพดุล" (Podul) คาดขึ้นฝั่งบ่ายวันนี้

สวพ.FM91

เกาหลีใต้เตือนฝนตกหนักทั่วภาคกลาง

สำนักข่าวไทย Online

จีนออกมาตรการ ‘เงินอุดหนุนดอกเบี้ย’ สินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล

Xinhua

ปศส. สถาบันพระปกเกล้าปันน้ำใจ มอบเงิน และเวชภัณฑ์ 320,000บาท ให้โรงพยาบาลน่าน

ไทยพับลิก้า

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘พงศ์กวิน’ เตรียมนำเข้าแรงงานศรีลังกา หลังแรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ

The Bangkok Insight

CKPower เปิดกำไรสุทธิครึ่งปี 68 ทะลุ 400 ล้าน หนุนภาพรวมแข็งแกร่ง

The Bangkok Insight

อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

The Bangkok Insight
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...