คาดอิ๊งค์ไขก๊อกหลังครม.26ส.ค.
“ภูมิธรรม” มั่นใจ รบ.อยู่ครบวาระ “อดีต สว.สมชาย” เผย “แพทองธาร” ขอเปิดเอกสารแจง แต่ถูกตุลาการเบรก รับเบิกความลื่นไหลแต่ข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้น เชื่อชิงลาออกหลังประชุม ครม.อังคารนี้ “เทพไท” หนุน “อิ๊งค์” ไขก๊อกก่อน
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม เข้าชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า ยังไม่ได้คุยกับ น.ส.แพทองธาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีความต่างๆ รัฐบาลยังมั่นใจจะอยู่จนครบวาระหรือไม่ นายภูมิธรรมยืนยันว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ เพราะตั้งใจบริหารประเทศ ตั้งใจทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ดังนั้น เมื่อรับอาสามาแล้วจะทำดีที่สุด อะไรที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาคดีความ ก็ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ไม่มีผลอะไร เพราะรู้ว่าศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาตามความยุติธรรมอย่างเหมาะสมอยู่แล้ว
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.แพทองธารทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน การรักษาอธิปไตยของคนไทยทุกคนรวมถึงตัวท่านด้วย ในฐานะผู้นำประเทศต้องรักษาเต็มที่อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเสียดินแดน เพราะทหารดูแลอยู่ แต่เมื่อเกิดเรื่องมาแล้วต้องดำเนินการตามกฎกระบวนการที่กฎหมายตราไว้ หากศาลว่าอย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นบุคคลซึ่งเข้าร่วมฟังการไต่สวนคำร้องคดีถอดถอน น.ส.แพทองธาร เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ให้สัมภาษณ์กับรายการ ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด ช่วงหนึ่งว่า ในช่วงการไต่สวน นายกฯ ถือแฟ้มเอกสารที่เป็นแฟ้มใสปึกหนึ่ง แล้วก็จะหยิบอ่าน แต่ทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าห้ามหยิบอ่าน เป็นเอกสารที่วางอยู่ข้างๆ ตัวนายกฯ อย่างไรก็ตามถือว่านายกรัฐมนตรีตอบได้
นายสมชายระบุว่า ในการไต่สวน นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ได้พูดเรื่องความลับความมั่นคงอะไรเยอะ เป็นเรื่องวาระการประชุมของ สมช.ธรรมดา ก็บอกถึงเรื่องนั้นๆ ว่าทำไมตัดสินใจแบบนั้น สรุปคือไปในทางเดียวกันกับนายกฯ ถือว่านายกฯ มีการซ้อมมาดี ส่วนการไต่สวน น.ส.แพทองธารที่ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง ส่วนใหญ่โดยรวมๆ เป็นไปตามเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็เหมือนกับที่นายกฯ เคยแถลงมาตลอด ยืนยันว่าเป็นเทคนิคการเจรจา
เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่านายกฯ ชี้แจงลื่นไหลมาก นายสมชายยอมรับว่า ก็ลื่นไหลจริง โดยบุคลิกเขาได้อยู่แล้ว ตนอ่านคนแบบนั้นอยู่แล้วว่าสามารถทำได้ แต่ในการพิจารณาไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ฟังเฉพาะคำให้การเมื่อวันที่ 21 ส.ค.แล้วชี้ว่าถูกหรือผิด
เมื่อถามอีกว่า การที่นายกฯ บอกศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นเทคนิคการเจรจา คิดว่าผ่านหรือไม่ นายสมชายบอกว่า ไม่ผ่าน โดยหากไล่ทีละข้อ ที่บอกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา หากไปเปิดตำราของ Harvard ที่มีหนังสือออกมาหลายเล่ม ถ้าดูตามหลักนี้ ไม่ผ่าน และที่สำคัญ หลักการเจรจา หากเราเป็นคนที่จะไปเจรจา เราต้องเตรียมไปก่อนว่าเราต้องการอะไร แต่ในคลิป 17 นาที ไม่มีเราต้องการอะไรเลย มีแต่ไปรับฟังว่าฮุน เซน ต้องการอะไร อันนี้ไม่ใช่การเจรจา หลักสำคัญในเรื่องเทคนิคการเจรจาถือว่าไม่ผ่าน เป็นคำแก้ตัว และเพิ่งมาใช้ในการเขียนคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
“ส่วนเรื่องไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมืองนั้น ต้องบอกว่าอันนี้ (คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ) ไม่ใช่เรื่องความผิดคดีอาญา ที่ต้องไปสู้คดีในชั้น ป.ป.ช. หรือหากตำรวจกองปราบปรามที่มีการแจ้งความนายกฯ ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา แล้วตำรวจส่งคดีไปขึ้นศาลฎีกา อันนั้นไปสู้ได้ แต่คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์สุจริต การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม”
นายสมชายยังเชื่อว่า อาจจะมีการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารหน้า 26 ส.ค. ที่อาจจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการให้สะเด็ดน้ำอีกรอบ ตอนนี้ก็มีสองทางคือ ไม่ลาออกแล้วอยู่จนถึงวันที่ 29 ส.ค. แล้วโดนศาลวินิจฉัย และมีมติให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ด้วยมติอาจจะ 9 ต่อ 0 ซึ่งหากมีประวัติว่าต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็จบเลย หรือมติอาจต่ำสุด 7 ต่อ 2
เชื่อ ‘อิ๊งค์’ ชิงลาออกก่อนแน่
เมื่อถามว่า หากว่า น.ส.แพทองธารรอด แล้วบริหารประเทศต่อไปจะเป็นอย่างไร นายสมชายกล่าวว่า ประเทศไม่รอด ต่อข้อถามว่า แล้วเกิดนายกฯ ชนะคดีแล้วลาออกทันทีเลย เพื่อให้เห็นว่าไม่ผิดแต่ยินดีลาออก นายสมชายตอบว่า ชนะแล้วลาออกทำไม ถ้าจะลาออกก็ลาออกก่อนแพ้ ตนไม่เชื่ออย่างนั้น เพราะหากชนะคุณพ่อไม่ให้ลาออกหรอก เดินหน้าลุยต่อ
วันเดียวกัน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความใน X ตอบโต้นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านกฎหมาย ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังการเข้าฟังการไต่สวน น.ส.แพทองธาร ทำนองว่า น.ส.แพทองธารเตรียมตัวชี้แจงการสนทนากับนายฮุน เซนมาดี แต่ดูเหมือนไม่ได้เตรียมตัวมาในเรื่องข้อกฎหมายว่า ศาลได้มีคำสั่งชัดเจนว่า ห้ามเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับการไต่สวนคดี ซึ่งคงพิจารณาแล้วว่าการเผยแพร่ดังกล่าวอาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและการทำงานของศาล การที่มีผู้นำบรรยากาศและข้อสังเกตส่วนตัวมาเล่าสู่สาธารณะ จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และเป็นการฉวยโอกาส ซึ่งผู้ที่มีวุฒิภาวะและเคารพต่ออำนาจตุลาการย่อมหลีกเลี่ยงการกระทำเช่นนี้
น.ส.ขัตติยายังระบุด้วยว่า สิ่งที่ปรากฏในโพสต์ของนายคมสัน ย่อมเป็นเพียงมุมมองที่เกิดจากการตีความส่วนตัว ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นการเล่าที่ตัดขาดจากบริบทภายในห้องไต่สวน ซึ่งย่อมเสี่ยงต่อการทำให้ผู้ที่อยู่นอกห้องเกิดความเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง
“เมื่อมีการนำบรรยากาศมาเผยแพร่ในลักษณะนี้ ย่อมไม่มีใครสามารถตรวจสอบหรือยืนยันได้ว่าส่วนใดเป็นจริง ส่วนใดไม่จริง หรือส่วนใดถูกเล่าไม่ครบถ้วน เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งห้ามเผยแพร่ไว้แล้ว ทำให้ผู้ที่มีวุฒิภาวะและเคารพต่อศาล ไม่อาจออกมาเล่าข้อเท็จจริงจากอีกมุมหนึ่งเพื่อโต้แย้งได้ ดิฉันจึงอยากชวนตั้งคำถามว่า การที่นายคมสันนำบรรยากาศภายในห้องไต่สวนมาเผยแพร่ต่อสาธารณะเช่นนี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบและขาดความเคารพต่อศาล หรือไม่???” น.ส.ขัตติยาระบุ
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการ รมว.การต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไรจะเกิดบรรทัดฐานใหม่ ออดอ้อนคนต่างชาติช่วยหน่อยรัฐบาลตกต่ำ ถูกไล่ไปเป็นนายกฯ ต่างชาติ อย่าไปฟังแม่ทัพเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา อยากได้อะไรจัดให้หมด หากพูดอย่างนี้ไม่ผิด เพราะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง สนุกละซิ
“แต่ถ้าตัดสินว่าผิด ผู้นำคนต่อๆ ไป จะเจรจาความเมืองกับใคร ต้องระมัดระวังการติดต่อทางโทรศัพท์จะพูดพล่อยๆ ไม่ได้ พูดเล่นหยอกล้อไม่ได้ จะมาใช้เทคนิคเจรจาไม่ได้”
นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า ตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่ 6 องค์กรกำหนด เกียรติภูมิ (prestige) และผลประโยขน์ (interests) ของชาติที่นายกรัฐมนตรีต้องพิทักษ์รักษา หมายถึง ศักดิ์ศรี ความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของประชาชนและนานาประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล มีหน้าที่สำคัญในการธำรงรักษา ส่งเสริม และไม่ทำให้เสื่อมเสีย ไม่ว่าจะในด้านการบริหาร การต่างประเทศ หรือพฤติกรรมส่วนตัว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความเช่นกันว่า ถ้าหากว่า น.ส.แพทองธารจะแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองโดยการลาออก ยังไม่สายเกินไป และเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของ น.ส.แพทองธาร ผมจึงสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธารตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ก่อนถึงวันศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย.