“กองตราสารหนี้โลก” ปีนี้ฟื้น โชว์ผลตอบแทนเฉลี่ย +2.25% … Top5 โชว์ผลงานเฉลี่ย +5.70% แนะมีติดพอร์ตรับแนวโน้ม “ดอกเบี้ยขาลง” !!!
สาระ Fund วันละนิด: วันนี้ จะพามาส่องผลงานกลุ่ม “กองตราสารหนี้โลก” กันบ้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีการแนะนำให้นักลงทุนมี “ติดพอร์ต” ไว้ เพื่อรับประโยชน์จาก “ดอกเบี้ยขาลง” นั่นเอง
ภาพรวมของ “กองทุนตราสารหนี้โลก” ในปีนี้ มีสัญญาณฟื้นตัวสามารถทำผลตอบแทนได้เฉลี่ย +2.25% (สูงสุด +7.81%, แย่สุด -2.59%) โดยกองทุนส่วนใหญ่กว่า 90% มีผลตอบแทนเป็น “บวก”
ในการประชุม “ธนาคารกลางสหรัฐ” (Fed) ในเดือนก.ย. 25 นี้ ตลาดคาดว่ามีโอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง และในระยะยาวคาดว่าจะปรับลงไปอยู่ที่ประมาณ 3% เท่านั้น
ซึ่งถือเป็นบริบทที่เอื้อต่อการลงทุนใน “กองทุนตราสารหนี้โลก” เป็นอย่างยิ่ง ทั้งดอกเบี้ยที่สูงในปัจจุบัน และกำไรที่จะเกิดขึ้นจากดอกเบี้ยที่ลดลงในอนาคต
จึงถือเป็นอีกสินทรัพย์ที่ที่น่าสนใจในช่วงเวลาเช่นนี้
สำหรับ5 “กองตราสารหนี้โลก” ที่มีผลงาน“ดีสุด-แย่สุด” ปีนี้ มีกองอะไรบ้างนั้น ทีมงาน ‘Wealthy Thai’ สรุปเอาไว้ให้แล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
“กองตราสารหนี้โลก” ปีนี้เริงร่ารับ “ดอกเบี้ยขาลง” โชว์ผลตอบแทนเฉลี่ย +2.25%…“ M-SMART INCOME-AC” แชมป์ผลตอบแทนสูงสุด +7.81% ส่วน “SCBFSTP” ร่วงสุด -2.59%
สำหรับผลงานของ “กองตราสารหนี้โลก” (ณ วันที่ 19 ส.ค. 25) ทั้ง 125 กอง ปีนี้ผลงานฟื้นตัวรับ “ดอกเบี้ยขาลง” ทำตอบแทนเฉลี่ย+2.25% โดยกองทุนส่วนใหญ่ 113 กอง คิดเป็น 90% โชว์ผลงานเป็น “บวก” ส่วนน้อย 12 กอง คิดเป็น 10% ที่ผลตอบแทนยังคง “ติดลบ”
โดยกองที่มีผลงาน “ดีสุด” ทำผลตอบแทนได้ +7.81% ส่วนกองที่มีผลงาน “แย่สุด” ผลตอบแทนยังติดลบอยู่ -2.59% หรือต่างกันอยู่ 10.40%
สำหรับ 5 “กองตราสารหนี้โลก” ที่มีผลงาน “ดีสุด” ปีนี้ (ไม่นับรวมชนิดหน่วยลงทุนของกองทุนหลักเดียวกัน) ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ +5.70% นำมาโดย
“M-SMART INCOME-AC” ของบลจ.เอ็มเอฟซี+7.81%
“UQI-SSF” ของบลจ.ยูโอบี+6.83%
“USI” ของบลจ.ยูโอบี+4.73%
“SCBGLOB” ของบลจ.ไทยพาณิชย์+4.64%
“SCBFINR” ของบลจ.ไทยพาณิชย์+4.48%
ส่วน 5 “กองตราสารหนี้โลก” ที่มีผลงาน “แย่สุด” ปีนี้ ทำผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ -2.29% ประกอบด้วย
“SCBFSTP” ของบลจ.ไทยพาณิชย์-2.59%
“ONE-FFI” ของบลจ.วรรณ -2.51%
“BCAP-USL” ของบลจ.บางกอกแคปปิตอล-2.29%
“TUSFIX” ของบลจ.ทิสโก้ -2.32%
“DAOL-USTBILL” ของบลจ.ดาโอ -1.63%
คาด Fed ลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ช่วงที่เหลือปี25…“FOMC” คาดการณ์ “อัตราดอกเบี้ย” ระยะยาวควรอยู่ที่ประมาณ 3.0%
ทาง “บจ.มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)” เปิดเผยผ่านรายงานว่า แม้ “Jerome Powell” จะแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อเงินเฟ้อ แต่เรายังคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2025 “ธนาคารกลางสหรัฐ” (Fed) กำลังวางแผนเพื่อเตรียมลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แม้ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอน ในการประชุมล่าสุด Fed คงอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนกลางไว้ที่ 4.25%-4.50% แต่ต่างจากการประชุมครั้งก่อนๆ ตรงที่การตัดสินใจครั้งนี้ “ไม่เป็นเอกฉันท์” โดยมีสมาชิก 2 คนจากทั้งหมด 12 คนใน “คณะกรรมการนโยบายการเงิน” (FOMC) ลงมติให้ลดดอกเบี้ยลง 0.25%
นอกจากนี้ ถ้อยคำในย่อหน้าแรกของแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของ Fed ก็มีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่ระบุว่า “กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง” ในการประชุมครั้งก่อน เป็น “การเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีแรก” ซึ่งถือว่าเป็นการสะท้อนสถานการณ์ที่แม่นยำตามมุมมองของเรา โดยอัตราการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2% ต่อไตรมาสในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2.7% ที่เห็นในช่วงปี 2022–2024 อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในถ้อยคำที่แสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
“ทั้งการลงคะแนนเสียงที่ไม่เป็นเอกฉันท์และถ้อยคำในแถลงการณ์ ล้วนเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน อีกหลักฐานหนึ่งคือ การคาดการณ์ในการประชุมเดือนมิถุนายนของ FOMC ที่ระบุว่าจะมีการลดดอกเบี้ยรวม 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี 2025 ซึ่งเหลือเพียง 3 ครั้งในการประชุมตลอดปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดล่วงหน้ายังประเมินความน่าจะเป็นของการลดดอกเบี้ยไว้เพียงประมาณ 40% เราประเมินว่าความน่าจะเป็นนั้นน่าจะสูงกว่านั้นที่ราวสองในสาม แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่การันตีได้แน่นอน”
แม้เรามองว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มขยับสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงปีข้างหน้า แต่เรายังคงกังวลต่อความเสี่ยงด้านลบของการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ซึ่งพาวเวลดูเหมือนจะลดความสำคัญลงในวันนี้ เขากล่าวว่า หากความเสี่ยงของเงินเฟ้อและการเติบโต/ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะสมดุล ก็จะเหมาะสมที่จะปรับลดดอกเบี้ยจากระดับที่ "ตึงตัวในระดับปานกลาง" ในปัจจุบัน
ช่วงอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 4.25%-4.50% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด (ปี 2017–2019) ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.7% อย่างเห็นได้ชัด นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (neutral rate) ควรอยู่ต่ำกว่าระดับปัจจุบัน แม้จะไม่ต่ำเท่ากับค่าเฉลี่ยก่อน COVID-19 โดยคณะกรรมการ FOMC คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะยาวควรอยู่ที่ประมาณ 3.0%
จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลักอย่าง “สหรัฐ” ที่คาดว่า “Fed” จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และคาดการณ์จะลดเข้าสู่ระดับ 3% ในระยะยาว ทำให้ “กองทุนตราสารหนี้โลก” เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะจะได้ประโยชน์จากบริบทของ “ดอกเบี้ยขาลง” อย่างปฏิเสธไม่ได้นั่นเอง
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต