‘พรรคประชาชน’ เสียงแตก ให้กรรมการบริหาร เคาะ 3 ก.ย. ดัน ‘อนุทิน’ หรือไม่
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. เวลา 17.00 น. ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคประชาชน (ปชน.) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ปชน. ลงมาให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม สส.ของพรรค ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
โดยนายปกรณ์วุฒิ กล่าวยืนยันว่า วันนี้ไม่มีมติ เป็นการรับฟังความเห็น สส. ฟังทุกองคาพยพของพรรค ล่าสุดวานนี้พรรคส่งข้อความให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศราว 100,000 คน ให้ความเห็นต่อการเลือกนายกฯ ณ ตอนนี้มีสมาชิกจำนวนมากให้ความเห็นมาแล้ว ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากเมื่อวานมี สส.หลายท่าน ติดงาน กมธ. หรืองานพื้นที่ แต่วันนี้ สส.มากันเกือบครบ และให้ความเห็นเพิ่มเติมพอสมควร และสิ่งที่ สส.ทุกคนเห็นตรงกัน วันนี้ยังเปิดรับฟังความเห็นของสมาชิกพรรคต่อ อย่างไรก็ตาม วันที่ 3 ก.ย.นี้ แน่นอนว่า จะมีการประชุมของกรรมการบริหาร และคณะผู้บริหารของพรรค เพื่อตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่า เราจะโหวตเลือกนายกฯ ท่านใด ทั้งนี้ยืนยันว่า พรรคยังไม่ได้มีการตัดสินใจทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ส่วนกรรมการบริหารพรรคจะประชุมกันกี่โมง ตอนนี้ยังไม่ได้นัด ต้องเช็กคิวทุกคนด้วยว่า ว่างพร้อมกันเมื่อไรแต่จะทำให้เร็วที่สุด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่เป็นข้อเท็จจริงใด ๆ ยังไม่มีมติทางใดทางหนึ่ง ไม่มีการโหวตหรือการยกมือ มีแต่การให้ความเห็น สส.ให้ความเห็นหลากหลาย สะท้อนเสียงประชาชนในพื้นที่ ข่าวที่ออกจากสื่อต่าง ๆ ถึงความกังวล และ สส.ทุกคนเข้าใจดี เข้าใจตรงกันหมดว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่าย ทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วว่านี่ไม่ใช่การเลือกนายกฯ ที่ดีที่สุด แต่เป็นการเลือกนายกฯ ที่มีโอกาสนำไปสู่การยุบสภา และการแก้รัฐธรรมนูญมากที่สุด เราเข้าใจตรงกันประเด็นนี้แล้ว แต่ความเห็นยังหลากหลายอยู่ และไม่ทราบว่าใครปล่อย ไม่ทราบเจตนา
ขณะที่นายพริษฐ์ กล่าวยืนยันว่า เราไม่ได้ยึดมติที่ประชุม สส. วันนี้ สส.เป็นองคาพยพหนึ่งที่แสดงความเห็น เป็นหน้าที่กรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้ ที่นำความเห็น สส.ประกอบกับความเห็นของเครือข่าย พนักงาน องคาพยพ และสมาชิกทั่วประเทศที่ส่งเข้ามา และตัดสินใจจากกรรมการบริหารพรรค
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า หากรักษาการนายกฯ ไม่ดำเนินการยุบสภา เราจำเป็นต้องใช้กระบวนการเลือกนายกฯ คนใหม่ เพื่อทำภารกิจในการยุบสภา คิดว่านาฬิกาเดินไปเรื่อย ๆ เราเรียกร้องมา 2 เดือนแล้วกับรัฐบาล กับพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายภูมิธรรม เวชยชัย จนถึง 1-2 วันที่ผ่านมา เห็นว่านายภูมิธรรมพูดถึงการยุบสภา ย้ำอีกรอบว่า ถ้าจะยุบก็ไม่ต้องรอ อย่างไรก็ตามนาฬิกายังเดินต่อไป ถ้ารักษาการนายกฯ ไม่ดำเนินการยุบสภา ก็เข้าสู่การเลือกนายกฯ คนใหม่ เราจะใช้ 140 กว่าเสียงของเราเพื่อโหวตเลือกนายกฯ เพื่อยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน โดยในวันนี้รับฟัง สส.ครบถ้วนแล้ว ไม่มีการประชุม สส.อีกแล้ว ทุกเสียงจะไหลไปที่กรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้เพื่อตัดสินใจ
“พูดย้ำอีกครั้ง เราไม่ไว้วางใจทั้งคู่ เราไม่ได้เอาความรู้สึกเป็นตัวตั้ง อดีตเราไม่ลืม แต่ไม่เอามาเป็นปัจจัยตัดสินใจ เราพยายามตัดสินใจเพื่อออกแบบกลไกที่ดีที่สุดเพื่อควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ และดูทางเลือกไหนให้เราควบคุมการรักษาสัญญาได้ดีที่สุด สิ่งที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดคือการรอ การตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรคพรุ่งนี้ เรายืนยันว่าคณะกรรมการบริหารพรรคจะประชุมกัน และเราเดินหน้าสู่การเลือกนายกฯ คนใหม่ตามขั้นตอนกฎหมาย” นายพริษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เป็นการพิจารณาที่พรรคการเมือง หรือแคนดิเดตนายกฯ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญสุดคือเงื่อนไข 3 ข้อ ข้อ 3 เขียนชัดว่า เราต้องการเข้าไปทำหน้าที่เป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ไม่ต้องการจับมือกับใคร ร่วมรัฐบาลกับใคร เราต้องการวางกระบวนการเพื่อที่ว่าหากนายกฯ ไม่ยุบสภา เราเลือกคนไปยุบสภาตาม 3 เงื่อนไขเป็นหลัก ยึดว่าจะทำตามสัญญา ไม่ได้คำนึงถึงคุณสมบัติ หรือแคนดิเดตนายกฯ เพราะไม่ใช่สาระสำคัญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประโยชน์กับประเทศ
ส่วนนายกฯ คนใหม่จำเป็นต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันการเบี้ยวเงื่อนไขหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องมีลายลักษณ์อักษร อะไรที่เราทำได้มากที่สุดเพื่อให้เป็นการแสดง หรือผู้มาตอบรับเงื่อนไข ต้องสัญญากับประชาชนอย่างชัดเจน ไม่ว่ากรรมการบริหารพรรคตัดสินใจอย่างไร ต้องมีคำอธิบายต่อประชาชนอยู่แล้ว โดยขั้นตอนยุบสภา ถามเพื่อไทย ถ้าอยากยุบอำนาจอยู่ในมือพวกคุณ เราก็เตรียมตัวเลือกตั้ง ที่เราเตรียมมาตลอด 2 เดือนแล้วท่านไม่ได้ทำ
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เราขอย้ำจุดยืนเดิม 1.เราจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน เมื่อไรนักการเมืองคนไหน หรือพรรคการเมืองไหนผิดคำพูดต่อประชาชน จะทำให้คนนั้น และพรรคนั้นไม่น่าเชื่อถือต่อไป เราไม่ต้องการให้พวกเรา ปชน.ไม่ใช่เป็นพรรคที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ 2.เราต้องการคงสถานะฝ่ายค้าน ใครก็ตามที่เข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เราสามารถรักษาสัญญาได้ ผ่านกลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อไรเบี้ยวสัญญา แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หากเราร่วมรัฐบาล กลายเป็นว่า เราไม่มีสถานะเป็นฝ่ายค้าน และเราเชื่อว่ารัฐบาลที่ตอบโจทย์ประเทศ ไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่มาจากการเลือกตั้งครั้งถัดไป โดยกรรมการบริหารพรรค จะตัดสินใจพรุ่งนี้ ถ้าตามขั้นตอนต่าง ๆ เราก็พร้อมเดินหน้าพิจารณาโหวตนายกฯ คนใหม่ หากไม่มีการยุบสภา
เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมยุบสภาตามข้อต่อรองของ ปชน. แสดงว่าจะเลือกพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สรุปแบบนั้นไม่ได้ ที่เรากำหนดขั้นตอนแบบนั้น เพราะอำนาจอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคเพื่อไทยจะยุบ ยุบได้เลย ถ้าไม่ยุบ เราก็เข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ คนใหม่ เราได้พิจารณามาใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เหลือในขั้นตอนการพิจารณาของ กก.บห. พรุ่งนี้ โดยเงื่อนไข 3 ข้อเราทำละเอียดแล้ว ส่วนการกำกับกลไก เราก็วางแผนในสภา ล้มผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนการเชิญประชาชนมาร่วมกันติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากใครมีความเห็น มีเบาะแส หากดำเนินการไปแล้ว มีฝั่งไหนเข้าไปจะเบี้ยวสัญญา หากฝั่งไหนใช้อำนาจมิชอบ ก็ส่งเบาะแสให้เราได้ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบทุกรัฐบาลแน่นอน
เมื่อถามถึงความกังวลหากรัฐบาลเสียงข้างน้อย ใช้วิธีการดูด สส.จาก ปชน. นายพริษฐ์ กล่าวว่า ความเสี่ยงที่เรารับรู้ และพูดถึงอย่างตรงไปตรงมาโดยตลอด แน่นอนว่า เป็นความเสี่ยงที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า การเกิดขึ้นของการเมืองไทยที่ผ่านมา มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ๆ อย่างแรกสิ่งที่จะทำให้ลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ คือเอกภาพ สส. 140 กว่าเสียง ถ้าพรรคประชาชนเดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ และเพื่อนร่วม สส.เดินหน้าเป็นเอกภาพ ลดความเสี่ยงตรงนั้นลงมา
ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคในวันนี้ จะทำให้ สส.ในพรรคทะเลาะกันหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวเสริมว่า เรื่องเสียงแตก 2 ฝั่ง กลายเป็นวัฒนธรรมพรรคเราแล้ว แต่อีกวัฒนธรรมหนึ่งที่ชัดเจนเช่นกัน หากครั้งไหนใช้มติพรรค ทุกคนเคารพมติพรรค ครั้งไหนใช้การตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค ทุกคนเคารพการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค การถกเถียงความเห็นที่แตกต่าง เป็นเรื่องดี และเป็นวัฒนธรรมที่เราทำมาตั้งแต่อนาคตใหม่ และก้าวไกล มีการถกเถียง ให้เหตุผลซึ่งกันและกันหลากหลาย ทุกคนอาจยังเห็นแย้งหรือเห็นต่าง แต่ทุกคนคิดเหมือนกันคือพรรคต้องมีเอกภาพ เรื่องนี้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคแน่นอน นี่จึงเป็นเหตุผลรับฟังความเห็นสมาชิกต่อในคืนนี้ และส่งให้กรรมการบริหารพรรคพรุ่งนี้
“ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจเรื่องนี้ เท่าที่พูดคุยเบื้องต้น เป็นกระบวนการรับฟังความเห็นภายใน ส่วนเป็นอย่างไร ขอมีมติ กรรมการบริหารพรรคพรุ่งนี้อีกทีหนึ่ง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเข้าสู่กระบวนการเตรียมยุบสภาแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า เพิ่งทราบสด ๆ ร้อน ๆ เขียนว่ารายงานข่าว ประโยคเดียว พอเสร็จประชุม สส. มีรายงานข่าวเกี่ยวกับพรรคเรา ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่คอมเมนต์สิ่งที่เขียนว่ารายงานข่าว ถ้าดำเนินการยุบสภาจริงก็ไม่ต้องพูดเยอะ ก็ทำให้เห็นจริง
ส่วนเมื่อถามถึงมติของพรรคในวันนี้ที่หนุนพรรคภูมิใจไทย และเหตุใดจึงเปลี่ยนคนแถลงจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค มาเป็นนายพริษฐ์ และนายปกรณ์วุฒินั้น โฆษก ปชน.กล่าวว่า เรื่องไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าเรามีหลักฐานหรือไม่ เพราะการประชุม สส.เพียงแม่น้ำ 1 สายเพื่อประกอบการตัดสินใจกรรมการบริหารพรรค ยังไม่จบ 100% ส่วนการเปลี่ยนตัวคนแถลง ไม่เคยชี้แจงว่าจะเป็นนายณัฐพงษ์แถลง ตนมาในฐานะโฆษก และมากับนายปกรณ์วุฒิ ในฐานะเป็นประธาน สส.ของพรรค และประธานวิปฝ่ายค้าน
โดยนายปกรณ์วุฒิ ชี้แจงว่า หัวหน้าพรรค กับเลขาฯ พรรค จะพูดคุยกับ สส.ต่อ ไม่เกี่ยวกับทิศทางของพรรค เป็นกระบวนการภายในพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม สส.พรรคในวันนี้ เปิดโอกาสให้ สส.ได้แสดงความเห็นหลากหลาย อย่างไรก็ดีแกนนำพรรคมีแนวโน้มเลือกสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย และผลักดันนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ คนที่ 32 เพื่อหยั่งเชิงพรรคเพื่อไทย ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ทว่ากลับมีข่าวหลุดออกมาผ่านสื่อเสียก่อน จึงต้องให้โฆษกพรรค และประธาน สส.ของพรรค ลงมาชี้แจงกับสื่อ พร้อมกับให้รอมติอย่างเป็นทางการของพรรคในวันที่ 3 ก.ย.แทน.