โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

‘เอฟบีไอ’ เผย 3 ขั้นตอนกลโกงไซเบอร์แบบใหม่ หลอกดูดเงินจนหมดบัญชี

เดลินิวส์

อัพเดต 2 กันยายน 2568 เวลา 1.56 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนภัยกลโกงรุ่นใหม่ ‘แฟนทอม แฮกเกอร์’ มีทั้งหมด 3 ขั้นตอนซึ่งจะหลอกลวงเหยื่อและถ่ายโอนเงินจนหมดบัญชี

สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐหรือเอฟบีไอเพิ่งออกคำเตือนประชาชนถึงกลโกงทางไซเบอร์ที่เรียกว่า ‘แฟนทอม แฮกเกอร์’ ซึ่งเป็นกลโกงที่มีหลายขั้นตอนและทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มวัยใกล้เกษียณอายุ ต้องสูญเสียเงินเก็บจนหมดบัญชี

กลโกงนี้แตกต่างจากกลโกงทั่วไปตรงที่มีทั้งหมด 3 ขั้นตอนต่อเนื่องกัน แต่ละขั้นตอนจะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้ขั้นตอนถัดไป เพื่อหลอกให้เหยื่อยอมเปิดเผยข้อมูลและให้สิทธิเข้าถึงเงินของพวกเขา

“เหยื่อมักจะสูญเสียเงินทั้งหมดในบัญชีธนาคาร บัญชีออมทรัพย์ บัญชีกองทุนเกษียณอายุ หรือบัญชีการลงทุน โดยถูกหลอกว่าจะดำเนินการ ‘ปกป้อง’ ทรัพย์สินของพวกเขา” เอฟบีไอระบุในแถลงการณ์เมื่อไม่นานมานี้

นายแอรอน โรส ผู้จัดการฝ่ายสถาปนิกความปลอดภัยซึ่งทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยระดับสูงทางไซเบอร์ของบริษัทเช็คพอยต์ ซอฟต์แวร์ กล่าวว่า มิจฉาชีพมักใช้ความสนใจส่วนตัวของเหยื่อมาเป็นเครื่องมือ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์วินเทจ หรือนาฬิกาโบราณ มักโพสต์เรื่องราวเหล่านี้ลงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย

“อาชญากรใช้ความสนใจส่วนบุคคลมาช่วยทำให้การกระทำของพวกเขาดูน่าเชื่อถือและลดโอกาสที่จะถูกจับได้” โรสกล่าวเสริมว่า “เทคโนโลยี ‘เอไอ’ สามารถวิเคราะห์เนื้อหาในโซเชียลมีเดียเพื่อตรวจจับความสนใจส่วนตัวและเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ซึ่งช่วยให้มันสร้างข้อความที่ดูเหมือนเป็นการติดต่อเฉพาะบุคคลได้”

จากข้อมูลของเอฟบีไอ ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา กลโกงนี้ทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อและสูญเสียเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32,300 ล้านบาท) โดยเหยื่อส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป

สก็อต เดวิส ประธานสมาคมความปลอดภัยไซเบอร์แห่งรัฐเพนซิลเวเนียกล่าวว่า การหลอกลวงเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการหลอกลวงทางโทรศัพท์หรือการส่งอีเมลฟิชชิง แต่เป็นการปฏิบัติการที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงตัวตนหลายคน การปลอมแปลงเบอร์โทรศัพท์ และการติดตามผลอย่างเป็นระบบ

“ผู้สูงอายุถูกหลอกให้เชื่อว่ากำลังปกป้องเงินของตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขากำลังส่งเงินให้แก่อาชญากรโดยตรง” เดวิสกล่าว

กระบวนการหลอกลวงจะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ โดยขั้นตอนแรก มิจฉาชีพจะแสร้งทำเป็นพนักงานฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิคของบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย และติดต่อเหยื่อผ่านการโทรศัพท์ ข้อความ อีเมล หรือข้อความป๊อปอัปบนหน้าจอ

เมื่อเหยื่อหลงกลและโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ มิจฉาชีพจะหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดโปรแกรมที่ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ของเหยื่อจากระยะไกลได้ หลังจากนั้นจะแสร้งทำเป็นตรวจสอบไวรัส และแนะนำให้เหยื่อเปิดบัญชีทางการเงินเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ

เมื่อเลือกบัญชีเป้าหมายได้แล้ว มิจฉาชีพจะบอกให้เหยื่อรอสายจากแผนกรับเรื่องเกี่ยวกับการฉ้อโกงของธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆ

ในขั้นตอนถัดมา มิจฉาชีพจะปลอมเป็นพนักงานของสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียง และโทรศัพท์หาเหยื่อเพื่อแจ้งว่าบัญชีของพวกเขาโดนแฮกโดยบุคคลในต่างประเทศ และอ้างว่ามีเพียงวิธีเดียวที่จะเก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัยได้ ซึ่งก็คือการโอนย้ายเงินให้ไปอยู่ในมือของบุคคลที่ 3 เช่น ธนาคารกลางสหรัฐหรือหน่วยงานรัฐบาล

หลังจากนั้น พวกเขาจะช่วยจัดการการโอนเงิน ซึ่งมักจะแบ่งย่อยออกเป็นหลายรายการและอาจเป็นได้ทั้งการโอนเงินทางออนไลน์หรือผ่านแอป โอนเป็นเงินสดหรือสกุลเงินดิจิทัล

ในขั้นตอนสุดท้าย มิจฉาชีพจะปลอมตัวเป็นพนักงานของธนาคารกลางสหรัฐหรือหน่วยงานอื่นๆ ของทางการ เพื่อทำให้เหยื่อหลงเชื่ออย่างสนิทใจมากขึ้น หากเหยื่อเริ่มสงสัย มิจฉาชีพอาจส่งจดหมายติดตามผลที่ดูเหมือนเป็นเอกสารราชการจริง เพื่อหลอกให้เหยื่อเชื่อว่าเงินของพวกเขายังคง “ไม่ปลอดภัย” และต้องมีการโอนย้ายอีกครั้ง

สำหรับการป้องกันตัวเองจากกลโกง 3 ขั้นตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทำตามขั้นตอนที่ไม่ยาก แต่เน้นว่าไม่ควรให้บุคคลอื่นเข้าถึงคอมพิวเตอร์ส่วนตัวได้จากระยะไกล และควรเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปยังธนาคารเพื่อตรวจสอบความผิดปกติด้วยตัวเอง

“คำแนะนำที่สำคัญที่สุดคือ อย่าให้ใครเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณจากระยะไกล หากมีคนโทรศัพท์มาหาคุณโดยไม่คาดคิด” โรสกล่าว “อย่าโอนเงินเพียงเพราะมีคนอ้างว่ามาจากธนาคารหรือรัฐบาล ให้วางสาย แล้วโทรศัพท์ไปที่เบอร์ที่อยู่บนใบแจ้งยอดบัญชีของคุณเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตัวเอง”

โรสกล่าวเสริมว่า หากคุณไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร ให้วางสายและปรึกษาคนที่คุณไว้ใจเสียก่อน เขาชี้ว่ามิจฉาชีพจะลงมือโดยอาศัยลักษณะการติดต่อที่ปกปิดเป็นความลับและใช้แรงกดดันเหยื่อ

“การทำลายรูปแบบนั้นด้วยการหยุดคิดเสียก่อนและหันไปปรึกษาคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน สมาชิกในครอบครัว หรือเจ้าหน้าที่จากธนาคารหรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ มักจะเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด” โรสกล่าว

ที่มา : thehill.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

กอ.รมน.สุรินทร์ มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้อพยพกว่า 250 ชีวิต หนีเหตุชายแดนตึงเครียด

30 นาทีที่แล้ว

รู้จัก “หมวกฟ้าจีน” กองกำลังรักษาสันติภาพ ที่จะร่วมสวนสนามวันแห่งชัยชนะที่กรุงปักกิ่ง (คลิป)

32 นาทีที่แล้ว

“บางกอกแอร์เวย์ส” ทุ่ม 7 พันล้าน ซื้อเครื่องบินใหม่ 10 ลำ ปลายปีซื้ออีก 20 ลำ คาดสิ้นปีผู้โดยสาร 4.3 ล้านคน

33 นาทีที่แล้ว

“ไก่เดือยทอง” สอย “มูอานี” เสริมแนวรุกด้วยสัญญายืมตัว

34 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

รู้จัก “หมวกฟ้าจีน” กองกำลังรักษาสันติภาพ ที่จะร่วมสวนสนามวันแห่งชัยชนะที่กรุงปักกิ่ง (คลิป)

เดลินิวส์

พบสุสานโบราณบรรจุกระดูกเหยื่อสังเวยอายุกว่า 2,000 ปีโดนรัดคอ-มัดมือไขว้หลัง

เดลินิวส์

ผู้ชายไม่ได้มีเซ็กซ์นานๆ อันตรายไหม? หมอมีคำตอบ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายและจิตใจ

sanook.com

แผ่นดินไหวในอัฟกานิสถาน ยอดผู้เสียชีวิต พุ่งทะลุ 600 ราย

TNews

จีนค้นพบอายุแอ่งอะพอลโลบนดวงจันทร์ ย้อนไปกว่า 4 พันล้านปี (คลิป)

เดลินิวส์

เด็ก 10 ขวบเล่นพิเรนทร์ เคาะประตูบ้านแล้ววิ่งหนี ถูกเจ้าของบ้านยิงสวน

Thaiger

เด็กหญิง 8 ขวบ เลือดกำเดาไหลไม่หยุด ต้นเหตุมาจาก 1 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแทบทุกบ้าน!

sanook.com

เปิดใจ "บักจืด" ถ้าย้อนเวลาได้ จะไม่มาเป็นพระเอกหนัง AV ความจริงไม่ได้ฟินแบบที่คนดูคิด

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...