SCB CIO ชี้ Fed เสียงแตกครั้งแรกในรอบ 31 ปี คาดลดดอกเบี้ยอาจเลื่อนไปก่อน มองตลาดหุ้นยังน่าสนใจ ทองคำมีโอกาสขยับขึ้น เหตุแบงก์ชาติทั่วโลกซื้อต่อเนื่อง
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ครั้งล่าสุด สร้างความประหลาดใจด้วยผลโหวตที่ ‘เสียงแตก’ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 หรือในรอบ 31 ปี แม้จะคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ความเห็นที่แตกต่างกันนี้ส่งสัญญาณอะไรถึงนักลงทุน และควรปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร
ชาตรี โรจนอาภา CFA, FRM Head of Investment Consultant SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ Morning Wealth โดยระบุว่าแม้ผลการประชุม Fed จะไม่ได้เซอร์ไพรส์ในแง่การคงดอกเบี้ย แต่รายละเอียดภายในกลับน่าสนใจ
ชาตรีอธิบายว่า เสียงส่วนใหญ่ ยังคงมองว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อยังคงอยู่ จึงต้องการ ‘รอ’ เพื่อดูผลกระทบของมาตรการภาษีต่างๆ ที่กำลังจะสิ้นสุดลง แต่ สองเสียงที่โหวตค้าน กลับมองว่าการจ้างงานมีแนวโน้มชะลอตัวเร็วกว่าที่คาด ซึ่งสะท้อนถึงความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญภายในคณะกรรมการ FOMC
อย่างไรก็ตาม ประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ได้ตอบคำถามสื่อโดยระบุว่ายังมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้ไข ทำให้ตลาดตีความว่าโอกาสในการลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปอาจถูกเลื่อนออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะลดในเดือนกันยายน ก็อาจต้องรอไปอีกการประชุมหนึ่ง ส่งผลให้โอกาสการลดดอกเบี้ยในปีนี้ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ 2 ครั้ง
SCB CIO คาดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้ แต่อาจเลื่อนจากกันยายน
ชาตรี ระบุต่อว่า SCB CIO ยังคงเชื่อว่าปีนี้ Fed มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง จากการประชุมที่เหลืออยู่ 3 ครั้ง แม้การลดครั้งแรกอาจจะไม่เกิดขึ้นในเดือนกันยายนอย่างที่ตลาดเคยคาดหวังไว้ก่อนหน้า ชาตรีให้เหตุผลว่าเมื่อมาตรการภาษีต่างๆ ชัดเจนขึ้น ตัวเลขเงินเฟ้อและผลกระทบทางเศรษฐกิจจะปรากฏชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ Fed ตัดสินใจลดดอกเบี้ยได้
หลังการแถลงข่าวของ Fed ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ชาตรีมองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น เนื่องจากผลประกอบการที่โดดเด่นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Meta และ Microsoft ช่วยหนุนตลาดได้ดีในภาพรวม
“เรื่องของการไม่ลดดอกเบี้ยในครั้งนี้และขยับออกไป ไม่ได้เป็นนัยสำคัญมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อ” ชาตรีกล่าว
สำหรับการเคลื่อนไหวในตลาดอื่นๆ มีดังนี้
- ทองคำราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยถูกผลักออกไป
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สะท้อนภาพที่ Fed มีท่าที Hawkish มากกว่าที่เคยเป็น
สงครามการค้า ไทยเสี่ยงจะโดนภาษีเท่าไร
ประเด็นสงครามการค้ายังคงเป็นความท้าทาย โดย SCB CIO คาดว่าอัตราภาษีที่เราจะโดนน่าจะอยู่ที่ 20-25% ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ ก็ถือว่าไม่น่ากังวลมากนักเมื่อเทียบกับคู่ค้าอื่นๆ ในภูมิภาค
“ผลกระทบต่อการค้าของเรามีอยู่แล้ว เพราะเราโดนภาษีในอัตราที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับบางประเทศ แต่ถ้าเทียบกับภูมิภาคโดยรวม หากอัตราใกล้เคียงกัน ผมคิดว่าสินค้าเรายังขายได้ไม่ต่างจากเดิมมากนัก” ชาตรีกล่าว
โดยรวมแล้ว SCB CIO คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะยังคงเติบโตอยู่ในช่วง 1 5-2% ซึ่งแม้จะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่เกิน 5%
ท่ามกลางความไม่แน่นอน จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร
ชาตรีให้คำแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนในภาวะที่ภาพเศรษฐกิจมหภาคยังมีความไม่แน่นอนสูงดังนี้
ตลาดหุ้น
มองว่าตลาดหุ้นยังคงมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เพิ่งได้รับข้อตกลงภาษีในอัตราไม่สูงมาก เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ได้เรต 15% ซึ่งถือว่าได้เปรียบคู่ค้าอื่นๆ
โดยกลุ่มอุตสาหกรรม ยังคงเน้นที่อุตสาหกรรมนวัตกรรมและเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เนื่องจากผลประกอบการของกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงออกมาดีอย่างต่อเนื่อง
ตราสารหนี้
- ประเทศพัฒนาแล้ว ความน่าสนใจลดลง เนื่องจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยอาจไม่เร็วเท่าที่คาด
- ตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะประเทศที่มีเงินเฟ้อต่ำอย่างไทย: มีความน่าสนใจสูง เนื่องจากหลังสงครามการค้าสงบ การลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนมากขึ้น การซื้อตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อล็อกดอกเบี้ยไว้จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดี
สินทรัพย์ทางเลือก
ทองคำ แม้ราคาจะปรับลงมาต่ำกว่า 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความกังวลเรื่องการค้าโลกที่คลี่คลาย ซึ่งมองว่านี่คือโอกาสในการลงทุน เนื่องจากกระแสการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหันมาสะสมทองคำของธนาคารกลางหลายประเทศยังคงอยู่ และมองว่าทองคำจะเป็นเครื่องมือการแข่งขันของตลาดการเงินโลกในระยะยาว ดังนั้น ทองคำจึงยังคงเป็นขาขึ้น
ภาพ:Shutterstock AI