โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศบ.ทก.แจงเหตุ 3 ทหารไทยเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก เยียวยาครบถ้วน ย้ำไทยไม่เพิกเฉยหากพบละเมิด MOU 2543

The Better

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE BETTER
ไทยย้ำจุดยืนหลังเหตุระเบิดชายแดน! รัฐบาล-กองทัพ เดินหน้าหาข้อเท็จจริง หวังรักษาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา พร้อมดูแลทหารเจ็บอย่างเต็มที่

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (วันที่ 17 ก.ค. 2568) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม และในฐานะผอ.ศบ.ทก. ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมพลทหารไทย ทั้ง 3 นาย หลังได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิด ในระหว่างปฎิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี มีอาการดีขึ้น และมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม ซึ่งทั้ง 3 นาย ได้แก่ 1.ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ 2.พลทหาร ณัฐวุฒิ ศรีเข้ม 3.พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน
ได้รับการรักษาจากที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งการรักษาเป็นไปตามมาตรฐานและทันท่วงที

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ทำให้ทั้ง 3 นาย อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว โดยเฉพาะพลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่า ซึ่งกองทัพภาคที่สอง ได้มีมาตรการในการช่วยเหลือและมีสวัสดิการให้กับกำลังพลอย่างเต็มที่ โดยการปูนบำเหน็จและเลื่อนชั้นยศเป็นสิบเอก และได้บำเหน็จ 15,600 บาท เมื่อรวมเงินเดือน และเงินสนับสนุนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆแล้ว คาดว่า จะได้รับเงินถึง 29,800 ต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้รับเงินก้อนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ประมาณกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ หน่วยงานราชการเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ที่กำลังพลได้เสียสละ จึงได้บรรจุทายาททดแทน ซึ่งเป็นบุตรของพี่สาวพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บประสงค์รับราชการ ซึ่งพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงจะได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมกับได้บัตรทหารผ่านศึก ชั้นที่ 3 ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือ ลดค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทางตลอดชีวิตของกำลังพล

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่าอีกว่ท รายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิด ว่าปัจจุบันกองทัพบก ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (นปท.) เข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อเก็บหลักฐานและนำมาวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนในเรื่องของชนิด และห้วงเวลาในการวางทุ่นระเบิด ว่าเป็นการวางระเบิดขึ้นมาใหม่หรือเป็นของเดิม ซึ่งจะมีการตรวจสอบ หากพบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ จะเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้และเก็บสะสมทุ่นระเบิด ทั้งไทยและกัมพูชา ถือเป็นประเทศภาคีอยู่ในอนุสัญญาดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2542

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำว่าทางรัฐบาลไทย หากตรวจพบว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ฝ่ายไทยจะไม่เพิกเฉย นอกจากนั้นหากพบว่ามีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ทางไทยก็จะดำเนินการและตอบโต้อย่างชัดเจนแน่นอน และย้ำว่าอย่าให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ในเรื่องสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น และฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการใช้ข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นหลักการที่ยึดมั่นมาโดยตลอดเป็นไปตามหลักสากล โดยข้อมูลต่าง ๆ จะนำไปสู่การปฏิบัติของฝ่ายไทยต่อไป

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารของไทยที่ปราสามตาเมือนธม ซึ่งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้มีการหารือร่วมกัน เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2568 เพื่อร่วมกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก โดยทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปว่า หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น หากเป็นนักท่องเที่ยวฝ่ายไทย ขอให้ชุดประสานปราสามของฝ่ายไทยเป็นผู้ดำเนินการ แต่หากเป็นก่อเหตุโดยนักท่องเที่ยวของกัมพูชา ชุดประสานปราสาทของฝ่ายกัมพูชาจะเป็นผู้ดำเนินการ

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า อีกทั้งหากเกิดปัญหาในพื้นที่ การแก้แก้ไขปัญหาจะให้ชุดประสานงานปราสาทในพื้นที่ที่อยู่บนปราสาท ฝ่ายละ 7 คน เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องเรียกกำลังชุดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ยังให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนขึ้นมาท่องเที่ยว โดยเชื่อว่าข้อตกลงทั้งหมดจะสามารถแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบนปราสาทได้ พอจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก

ด้านนางมาระตี กล่าวว่า สถานการณ์ ณ จุดผ่านแดนต่าง ๆ ในภาพรวมยังเป็นไปด้วยความด้วยความสงบเรียบร้อย ย้ำว่าไทยยังคงมาตรการเดิมไม่ปิดด่านแต่เพิ่มมาตรการควบคุมการผ่านแดนให้เข้มข้น และอนุโลมการผ่านแดนตามหลักมนุษยธรรม ย้ำว่าขอให้กัมพูชาประสานเวลาเปิด-ปิดด่านกับไทย เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนที่ต้องการผ่านข้ามแดนทั้ง 2 ประเทศ และเพื่อประโยชน์ของความร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกัน หากฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจที่จะจัดการในเรื่องนี้ ตามที่มีการประกาศยกระดับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมคข้ามชาติ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่สื่อต่างประเทศบางแห่งก็ตั้งข้อสังเกตถึงความจริงจังต่อมาตรการเหล่านี้ การดำเนินการดังกล่าวจะได้ผลเมื่อมีการประสานงาน ในเรื่องของการบริหารจุดผ่านแดนกับฝ่ายไทย

นางมาระตี กล่าวอีกว่า ที่ประชุมวันนี้ยังมีการหารือในเรื่องของผลกระทบของมาตรการ ควบคุมการผ่านแดนต่อห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจและผู้ประกอบการจากต่างประเทศขอให้ฝ่ายกัมพูชาตระหนักถึงมิติดังกล่าวด้วยว่าในบริบทของความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันอย่างเราต้องเข้าใจว่า เรามีประโยชน์ร่วมกันที่จะส่งเสริมให้ประชาตนระหว่างประเทศมองว่า ภูมิภาคของเรามีความสงบและเป็นสถานที่น่าลงทุน การปิดด่านโดยไม่มีเหตุไม่มีผลและการระงับการนำเข้าสินค้าอาจจะกระทบกับการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ

นางมาระตี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันทางกระทรวงการต่างประเทศ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี กรณีที่ทหารได้รับบาด 3 นาย ขอให้ทหารไทยที่ได้รับบาดฟื้นตัวโดยเร็ว และในระหว่างที่กองทัพบก (ทบ.) กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นทุ่นระเบิดของเก่าหรือของใหม่ กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ และเมื่อรับทราบผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากรายการในพื้นที่แล้วจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชาต่างเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

นางมาระตี กล่าวอีกว่า ซึ่งในข้อบทแรกของอนุสัญญา ดังกล่าวชัดเจนว่า ห้ามใช้ ห้ามผลิต และต้องทำลายคลังทุ่นระเบิดที่มี ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเองเป็นเจ้าภาพ การประชุม ทบทวนอนุสัญญา ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 25 -29 พ.ย. 2567 ดังนั้นหากการตรวจสอบและพบหลัก ฐานที่เป็นที่ประจักษ์ นอกเหนือจากจะเป็นที่ผิดหวังของรัฐภาคี ที่สำคัญก็จะถือว่า ผิดต่อภาคีอนุสัญญา ใครจะดำเนินการในเรื่องนี้ ต่อไปไม่ว่าจะเป็นการประท้วงโดยตรงต่อกัมพูชาและทวิภาคีและมาตรการอื่นๆตามความเหมาะสม
นางมาระตี กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะหากพบว่า เป็นการละเมิด MOU 2543 และละเมิดอธิปไตย แต่ว่าไทยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันจุดยืนที่จะเจรจาทวิภาคี เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความตึงเครียด ในเวลานี้ ผ่านกลไกที่มีอยู่ โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสืออย่างเป็นทางการ ไปถึงฝ่ายกัมพูชาเพื่อเชิญเข้าร่วมประชุมเจบีซีสมัยพิเศษ ที่ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนกันยายน 2568 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ตามที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว อย่างไรก็ตามไทยจะใช้ช่องทางทางการในการสื่อสาร และขอเชิญชวนให้ทุกคนติดตามข้อมูลติดตามข่าวสารและคำชี้แจงจากแหล่งทางการที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Better

“กรมสุขภาพจิต” เชื่อ หลักธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่เสื่อมถอย แม้วงการสงฆ์ฉาว

58 นาทีที่แล้ว

"แพทองธาร" นำทีมฟื้นใจศรัทธา! ลุยโครงการใหญ่ "ReFaith Thailand" สื่อธรรมะยุคใหม่สู่เยาวชน

58 นาทีที่แล้ว

สีกากอล์ฟเขย่าคณะสงฆ์! ยกเลิกสมณศักดิ์ 81 ตำแหน่ง พระราชาคณะชั้นเทพสึก 6 รูป

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"พระพยอม" ชี้ต้องปฏิรูปการเงินคณะสงฆ์ หนุน "สุชาติ" ตั้งธนาคารพุทธศาสนาแก้ปัญหา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘รถถัง’ นักมวยชื่อดังเปิดตัวร่วมทีมพิจิตร ยูไนเต็ด เซ็นสัญญา 2 ปี ลุยศึกไทยลีก 3 อย่างเป็นทางการ

THE STATES TIMES

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

สำนักข่าวไทย Online

"ดร.ปณิธาน" ชี้ดีลภาษี "สหรัฐฯ-อินโดฯ" ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ แต่คือยุทธศาสตร์ต้านจีน

สยามรัฐ

ผ่านเลือกตั้งปี 66 มา 2 ปี คนไทยเห็นตรงกัน “ดิ่งเหว” !!

TOJO NEWS

ปิดคดีดัง 12 ปี จับครบแก๊ง พันศักดิ์ นักฆ่าหน้าหยก สังหารเสี่ยอ้วน

TNews

"พ่อฟ้า" โวเล่นการเมือง 7 ปีคุ้มแล้ว ชี้ 20 ปีศาลรธน.เปลี่ยน 4 นายกฯอาจมีอีก 1 ถามจะส่งต่ออะไรให้ลูกหลาน

Manager Online

ม.เกษตรศาสตร์ จับมือกองทัพอากาศ ร่วมพัฒนาศักยภาพด้านการสื่อสารภาษาจีน

สยามรัฐ

ปภ. เฝ้าระวังพายุโซนร้อนวิภา สั่งจังหวัดเสี่ยงภัยรับมือ 24 ชม. จ่อเปิดวอร์รูม 20 ก.ค.นี้

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...