คืบหน้าคดียักยอกเงินวัด 30 ล้าน หลังเจ้าอาวาสหนีหาย
(2 ส.ค. 68) จากกรณีชาวบ้าน ต.บึงคำพร้อย กว่า 100 คนบุกวัดประชุมราษฎร์ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อประท้วงและเรียกร้องขอให้ พระครูไพโรจน์ ธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดประชุมราษฎร์ ออกมาชี้แจ้งกรณีที่ชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนไปถึงเจ้าคณะตำบลลำลูกกา เพื่อขอให้มีการตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเงินของวัด ที่มีการยักยอกเงินวัดหายไปกว่า 30 ล้านบาทและพฤติกรรมที่เจ้าอาวาส มีการรับเลี้ยงเด็กผู้หญิงมาเป็นลูกบุญธรรม จนกระทั่ง เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้ลงนามเซ็นคำสั่งปลดออกจากการเป็นเจ้าอาวาส ไปแล้ว และเมื่อวานนี้(1 ส.ค.) พระครูไพโรจน์ ธรรมคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดประชุมราษฎร์ ได้หนีหายออกจากวัดไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ นายสมยศ บุญมาก ส.อบต.หมู่ 6 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของวัดประชุมราษฎร์ รวมทั้งชาวบ้านชุมชนเคหะวัดประชุมราษฎร์ได้หอบหลักฐานจำนวนมาก เดินทางมาติดตามความคืบหน้า กรณีที่ชาวบ้านได้มีการแจ้งความเอาผิดกับพระครูไพโรจน์ ธรรมคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดประชุมราษฎร์ กับผู้เกี่ยวข้อง ในการยักยอกเงินวัดกว่า 30 ล้านบาท
นายสมยศ ฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มาติดตามความคืบหน้าที่ชาวบ้านแจ้งความดำเนินคดีกับพระครูไพโรจน์ ธรรมคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดประชุมราษฎร์ ที่ยักยอกเงินวัดไปกว่า 30 ล้านบาทและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากใช้อำนาจบาตรใหญ่และทำให้เสื่อมเสียพระพุทธศาสนา โดยขณะนี้ ตนทราบว่าอดีตเจ้าอาวาส ได้หนีหายออกจากวัดไปแล้วก็ตาม แต่ทางผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการสอบบุคคลที่มีการรับเงินและไวยาวัจกร ที่นำเงินส่งให้อดีตเจ้าอาวาส เพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในการดำเนินคดีกับอดีตเจ้าอาวาส
สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินวัดนั้นมีด้วยกัน 4 ราย รวมทั้งอดีตเจ้าอาวาสด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดเก็บรายได้ของวัด ที่ดำเนินการเก็บมากว่า 18 ปี โดยบุคคลเหล่านี้ ที่จัดเก็บรายได้นั้น ทางอดีตเจ้าอาวาส จะเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมาจัดเก็บเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่วัด โดยในส่วนของด้านคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเป็นผู้ดำเนินการทั้งสิ้น แม้อดีตเจ้าอาวาสจะหลบหนีไปไหนก็ตาม
นายสมยศ ฯ ยังกล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลา 18 ปี ที่อดีตเจ้าอาวาสเข้ามาบริหารวัดและจัดเก็บรายได้ ค่าเช่าภายในชุมชนเคหะวัดประชุมราษฎร์ไปกว่า 28 ล้านบาท แต่ไม่มีการนำเงินมาแก้ไขและพัฒนาในชุมชนเคหะแต่อย่างใด ชาวบ้านในเคหะจึงมาร้องกับตนให้ช่วยดำเนินการเพื่อหาทางแก้ไข ซึ่งตนก็ได้ของบประมาณจาก อบต.บึงคำพร้อย นำมาก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย สนามฟุตซอล ศาลาประชาคมและลานจอดรถ แทนที่รกร้างว่างเปล่า ในฐานะตนเป็นตัวแทนชาวบ้านและได้รับมอบอำนาจจากวัดประชุมราษฎร์ ซึ่งจะพยายามตามเงินที่วัดถูกยักยอกไปเกือบ 30 ล้าน นำมาคืนให้กับวัด เพื่อจะได้มีการพัฒนาวัดและชุมชนเคหะวัดประชุมราษฎร์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป