เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก “ฮุนเซน” กับสตรีอันดับหนึ่ง ‘บุน รานี’-2หญิงสาวใต้เงาที่ชีวิตพลิกผัน
ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนระอุของข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ชื่อของ"สมเด็จฮุน เซน" คือศูนย์กลางความสนใจของสังคม โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าว แต่ภายใต้บทบาทของผู้นำ ยังมีอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือเรื่องราวความรักที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวความรักอันมั่นคงกับสตรีหมายเลขหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านมืดที่พลิกผันชีวิตของหญิงสาวอีกสองคนอย่างน่าเศร้า
บุน รานี ภรรยาผู้ค้ำบัลลังก์ และตำนานรักลูกชายใต้เดือนเพ็ญ
"สมเด็จกิตติพฤฒบัณฑิต บุน รานี" คือสตรีหมายเลขหนึ่งของกัมพูชาผู้ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง ทั้งในฐานะภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุน เซน และในฐานะ ประธานกาชาดกัมพูชา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 จนถึงปัจจุบัน เธอเกิดในปี พ.ศ. 2497 ในครอบครัวชาวนาเชื้อสายจีน-เขมรที่จังหวัดกำปงจาม ซึ่งช่วงชีวิตในวัยสาวนั้น เธอได้เข้าร่วมกับแนวร่วมประชาชาติกัมพูชาและเลือกทำงานในสายสาธารณสุข ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้เธอได้พบกับ ฮุน เซน ขณะที่เขายังเป็นเพียงผู้บัญชาการหนุ่มของเขมรแดง
ทั้งคู่ได้แต่งงานกันในปี พ.ศ. 2519 แต่ชีวิตคู่ในช่วงแรกต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส เมื่อ ฮุน เซน ต้องหนีออกจากกลุ่มเขมรแดงไปตั้งกองกำลังใหม่ในเวียดนาม ทำให้ บุน รานี ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและคลอดลูกชายคนที่สองในคืนวันเพ็ญโดยไม่มีสามีอยู่เคียงข้าง เรื่องราวความรักและความเข้มแข็งในส่วนนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์กัมพูชาที่โด่งดังในชื่อ "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละของเธอในช่วงเวลาแห่งสงครามอย่างลึกซึ้ง
หลังสงครามสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2522 บทบาทของ บุน รานี ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นภรรยาผู้นำ แต่เธอได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะงานด้านสังคมสงเคราะห์และสาธารณสุข เธอได้จัดตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและริเริ่มโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้มากมาย แต่บทบาทที่โดดเด่นและทรงอิทธิพลที่สุดของเธอคือการเป็น ประธานกาชาดกัมพูชา ซึ่งทำให้เธอเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำด้านมนุษยธรรมและเป็นการสร้างบารมีให้กับสามีไปพร้อมๆ กัน สื่อทั้งในและต่างประเทศต่างมองว่าเธอไม่ใช่แค่ภรรยาผู้นำธรรมดา แต่เป็นผู้สร้างและรักษาฐานอำนาจให้กับสามีผ่านกิจกรรมทางสังคมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเธอยังเป็นหนึ่งในผู้ถือครองธุรกิจสัมปทานขนาดใหญ่ของตระกูลฮุน ซึ่งได้มีการถ่ายโอนไปยังทายาททั้ง 5 คนในภายหลัง แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลทั้งในเชิงอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของเธออย่างชัดเจน
ฮุน เซน และ บุน รานี มีบุตรธิดารวม 5 คน ซึ่งแต่ละคนล้วนมีบทบาทสำคัญในวงการเมืองและธุรกิจของกัมพูชาในปัจจุบัน
ฮุน มาเนต: นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของกัมพูชา ผู้รับไม้ต่อจากบิดา
ฮุน มานา: นักธุรกิจหญิงผู้กุมอำนาจด้านสื่อในกัมพูชา
ฮุน มานิต: ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหม
ฮุน มานี: สส. ผู้มีบทบาทในการปลุกระดมเยาวชนหัวใจรักชาติ
ฮุน มาลี: นักธุรกิจหญิงผู้บริหารบริษัทกว่า 13 แห่งในกัมพูชา
เงารักใต้บัลลังก์ ความรักที่พลิกผันชีวิตสองหญิงสาว
ถึงแม้ชีวิตคู่กับ บุน รานี จะยืนยาวและมั่นคง แต่ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์นอกสมรสกับหญิงสาวคนอื่นก็เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยมีชื่อของสองหญิงสาวที่เข้ามาพัวพันกับผู้นำกัมพูชาและชีวิตของพวกเธอก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างน่าเศร้าและเต็มไปด้วยปริศนา
พิสิษฐ์ พิลิกา ดาวค้างฟ้าผู้จบชีวิตอย่างปริศนา
พิสิษฐ์ พิลิกา คือนักแสดงและนักบัลเลต์หญิงผู้โด่งดังที่สุดในยุค 80-90 ของกัมพูชา เธอเป็นที่รักของประชาชนทั้งประเทศด้วยความสวยและเสน่ห์เฉพาะตัว เรื่องราวความรักของเธอถูกเปิดเผยจากไดอารี่ส่วนตัวที่ถูกเผยแพร่หลังการเสียชีวิต ซึ่งระบุว่าเธอมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ ฮุน เซน อย่างลึกซึ้งถึงขั้นเรียกเขาว่า "ดาร์ลิง ฮุน" และเธอก็รักเขาอย่างแท้จริงจนยอมหย่ากับสามีเพื่อรักครั้งนี้ แม้จะได้รับทรัพย์สินมากมาย ทั้งบ้าน รถ และเงินจำนวนมหาศาล แต่เธอกลับไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้น เธอแค่ต้องการความรักที่จริงใจ
อย่างไรก็ตาม วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 เรื่องราวโศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้น เมื่อพิลิกาถูกลอบยิงกลางวันแสกๆ ต่อหน้าหลานสาววัย 7 ขวบในกรุงพนมเปญ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา พิธีศพของเธอมีประชาชนเข้าร่วมหลายหมื่นคน ซึ่งนับเป็นงานศพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีของพนมเปญ แต่ถึงแม้จะมีพยานเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก คดีนี้ก็ไม่เคยได้รับการคลี่คลาย และไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จนถึงปัจจุบัน
ตูจ ซุนนิก นักร้องสาวผู้ต้องสูญเสียทุกอย่าง
หลังจากการจากไปของพิลิกาได้ไม่นาน ก็มีข่าวลือว่า ฮุน เซน ได้สานสัมพันธ์กับ ตูจ ซุนนิก นักร้องลูกทุ่งเสียงหวานผู้กำลังมีอนาคตสดใส แต่ความสัมพันธ์นี้ก็ดำรงอยู่ได้ไม่ถึง 2 เดือน เธอก็ถูกลอบยิงกลางวันแสกๆ ถึง 3 นัด โดยคนในสังคมเชื่อว่าผู้ก่อเหตุคือตำรวจในหน่วยองครักษ์ของผู้นำ เธอรอดชีวิตมาได้แต่ก็ต้องพิการเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมา ทำให้ชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ต้องสิ้นสุดลงอย่างถาวร โดยที่คดีของเธอก็ไม่เคยได้รับการคลี่คลายเช่นเดียวกับกรณีของพิลิกา
และเช่นเดียวกับหญิงสาวคนแรก "พิสิษฐ์ พิลิกา" ที่ชีวิตเธอต้องจบลงอย่างไร้ลมหายใจ ถึงแม้"ตูจ ซุนนิก" จะยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ อนาคตกลับต้องมาจบลง เพียงเพราะเข้ามาเกี่ยวพันใต้เงารักของท่านผู้นำ "ฮุน เซน" ที่สามารถพลิกผันชีวิตของผู้คนได้เพียงเพราะความรักที่เกิดขึ้นภายใต้เงาอำนาจอันยิ่งใหญ่..