“ทรัมป์” เปิดดีลลดภาษีรถญี่ปุ่น โตโยต้าเฮ บิ๊กทรีโวยเสียเปรียบ
แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นที่มีฐานที่มั่นใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาได้เฮกันถ้วนหน้า หลังจากที่การเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐเกี่ยวกับกำแพงภาษีนำเข้าที่สหรัฐอเมริกาตั้งเอาไว้ภายใต้การสั่งการของประธานาธิบดี Donald Trump กับญี่ปุ่นได้ข้อสรุปในเบื้องต้นแล้ว และถือเป็นการเจรจาที่ประสบความสำเร็จในเคสแรกๆ นับตั้งแต่ที่ Trump ประกาศใช้นโยบายนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ภายใต้กรอบการเจรจาในครั้งนี้หมายความว่าญี่ปุ่นจะต้องเป็นคู่ค้าของสหรัฐอเมริกาในหลายส่วนเพื่อแลกกับการคงอัตราภาษีนำเข้าเหมือนกับที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ญี่ปุ่นจะต้องซื้อเครื่องบิน Boeing จากสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวน 100 ลำ และเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมกับบริษัทสหรัฐฯ จากจำนวน 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี เป็น 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
“ผมเพิ่งลงนามข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กับญี่ปุ่น” Trump กล่าวในการประกาศข้อตกลงดังกล่าวบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนั้น เขายังกล่าวอีกว่าญี่ปุ่นและอินโดนีเซียกำลังเปิดตลาดรับสหรัฐฯ “ผมจะลดภาษีก็ต่อเมื่อประเทศใดประเทศหนึ่งตกลงที่จะเปิดตลาดกับเรา” ทรัมป์เขียน
แน่นอนว่าสินค้าที่ส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาจะได้รับสิทธิ์ในเรื่องของการคิดภาษีในอัตราเท่าเดิมก่อนที่จะมีการบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ นั่นหมายความว่า การคิดภาษีรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่นไปสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 15% เท่าเดิม แทนที่จะเป็น 27.5% ตามอัตราภาษีใหม่ ขณะที่สินค้าทั่วไปจะอยู่ที่ 15% จากอัตราใหม่ 25% โดยทั้งหมดจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
Scott Bessent เลขาธิการกระทรวงการคลังกล่าวว่า การแก้ปัญหาของญี่ปุ่นต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มีรูปแบบเฉพาะที่พวกเขาสามารถหากลไกเข้ามาทดแทนในสิ่งที่จะต้องเสียไป และแน่นอนว่า ประเทศอื่นไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบกลยุทธ์และแนวทางนี้ได้อย่างแน่นอน ขณะที่ Shigeru Ishiba นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวว่า สิ่งที่ญี่ปุ่นได้รับถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศคู่ค้าที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาเคยได้รับมา
จากข้อมูลของสหรัฐอเมริการะบุว่า การค้าสองทางระหว่างสองประเทศมีมูลค่าเกือบ 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 ที่ผ่านมา โดยนับเฉพาะในเรื่องของการนำเข้าและส่งออกสินค้าเท่านั้น และญี่ปุ่นได้ดุลการค้าสหรัฐอเมริกาประมาณ 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีมูลค่าในการทำธุรกิจกับสหรัฐอเมริกาสูงเป็นอันดับ 5
ความสำเร็จในการเจรจาครั้งนี้ถือว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในภาวะถดถอยในตอนนี้ให้กลับมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดย Shinichi Uchida รองผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติของญี่ปุ่นกล่าวว่า เป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงในเรื่องความไม่แน่นอนในเชิงเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะที่กลุ่มลอบบี้ยิสต์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง Keidanren กล่าวว่า นี่คือ ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในเชิงเศรษฐกิจระหว่างประเทศของญี่ปุ่น
ตลาดรถยนต์ได้รับอานิสงส์เต็ม
ในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นนั้นถือว่าได้รับประโยชน์จากเรื่องอย่างเต็มที่ และกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับญี่ปุ่น โดยถือเป็นท็อปโฟร์ของกลุ่มธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ในเชิงรายได้ โดยการประกาศในครั้งนี้ส่งผลให้ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเกือบ 4% สู่ระดับสูงสุดในรอบปี นำโดยหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Toyota เพิ่มขึ้นมากกว่า 14% และ Honda เพิ่มขึ้นเกือบ 11%
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นต้องสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดหลายแห่งทั่วโลกจากการรุกรานของรถยนต์พลังไฟฟ้าจากจีน ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะในประเทศจีนเองซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่การที่สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ทั้งคันและชิ้นส่วนที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีนั้น ก็ส่งผลให้ต่อความไม่แน่นอนในแง่ของการดำเนินธุรกิจในตลาดใหญ่ที่เหลืออยู่ของพวกเขา
จริงอยู่ที่โรงงานผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังมีบางแห่งอยู่ในแคนาดาหรือเม็กซิโก ซึ่งได้รับผลกระทบในเชิงลบจากนโยบายนี้แบบเต็มๆ ขณะที่ส่วนหนึ่งในการผลิตรถยนต์เพื่อขายในสหรัฐอเมริกานั้น มีการนำเข้าชิ้นส่วนสำเร็จรูปจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
Toyota เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ขานรับต่อความสำเร็จในการเจรจาครั้งนี้ โดน Akio Toyoda ประธานของ Toyota Motor Corp. กล่าวว่า เขายินดีที่จะสนับสนุนในการทำงานของภาครัฐ และวางแผนที่จะนำรถยนต์ที่เป็น Made in U.S.A. บางรุ่นเข้ามาจำหน่ายในญี่ปุ่น
“มีรถยนต์หลายรุ่นที่ไม่ได้จำหน่ายในญี่ปุ่น” Toyoda กล่าว จากความคิดเห็นเพิ่มเติมของเขายังระบุว่า ด้วยข้อตกลงนี้ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับการรับรองความปลอดภัยตามมาตรฐานญี่ปุ่น สามารถนำเข้าได้โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม หาก Toyota นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกามายังญี่ปุ่น ก็เป็นไปได้ว่าการขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ จะลดลงอีกด้วย และการนำเข้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการส่งออก “นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้บริโภค” Toyoda กล่าวเพิ่มเติม
แม้ว่าเขาจะปฏิเสธที่จะระบุรุ่นรถยนต์ที่จะนำเข้ามายังญี่ปุ่นโดยเฉพาะ แต่เชื่อว่าเขากำลังพิจารณารถยนต์ซีดาน Camry ซึ่งไม่ได้ผลิตและจำหน่ายในญี่ปุ่นแล้ว รวมถึงรถกระบะที่น่าจะช่วยเปิดตลาดกลุ่มใหม่ได้
ความท้าทายต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น
นอกจากการแข่งขันจากภายนอกแล้ว ภาคยานยนต์ของญี่ปุ่นยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่สูงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอ เช่นเดียวกับประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วอื่นๆ
ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง Toyota ยังคงประสบความสำเร็จในประเทศ แต่ Nissan กลับมีความเสี่ยงเป็นพิเศษจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมยานยนต์จีน โดยความผิดพลาดก่อนหน้านี้ของฝ่ายบริหารและการปิดโรงงานตามแผนกำลังซ้ำเติมปัญหาของ Nissan ซึ่งพวกเขาวางแผนที่จะปิดโรงงาน 7 แห่งจากทั้งหมด 17 แห่งภายในปีงบประมาณ 2027 และลดจำนวนพนักงานทั่วโลกลงประมาณ 15% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างองค์กร
“โดยรวมแล้ว แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นนั้นท้าทายอย่างมาก” Stefan Angrick จาก Moodies กล่าว
เช่นเดียวกับ Subaru และ Mazda ที่ต้องต่อสู้กับยอดขายที่ลดลง และการรุกรานของผลผลิตจากจีน ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาตจกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มีมาก แม้ว่าทั้ง 2 ค่ายจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ Toyota ก็ตาม
บิ๊กทรีไม่พอใจกับการลงนามครั้งนี้
แน่นอนว่า ทางกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกัน หรือ Big Three ที่ประกอบด้วย General Motors, Ford และ Chrysler ไม่ค่อยพอใจกับการรับข้อเสนอครั้งนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่ากลุ่มยานยนต์อเมริกันจะต้องหืดจับต่อไปในการแข่งขันกับคู่ปรับหน้าเดิมที่ยังได้เปรียบพวกเขา
และนี่ยังไม่นับรวมแบรนด์รถยนต์เกาหลีที่อาจจะใช้วิธีการเดียวกันนี้ในการเจรจาเพื่อคงความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยอัตราภาษีนำเข้าที่เท่าเดิม อีกทั้งข้อตกลงเกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนที่ประกาศออกมาในตอนหลังซึ่งถูกขยับมาเป็น 25% นั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม ทำให้การผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาถือว่าค่อนข้างลำบากมาก
‘รถยนต์มีส่วนประกอบมากมาย และบางชิ้นส่วนถูกผลิตโดยซัพพลายเออร์ที่มีโรงงานอยู่ในแคนาดา หรือเม็กซิโก เพื่อให้มีต้นทุนที่ถูกกว่า ดังนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถกำหนดราคาขายสำหรับรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในสหรัฐอเมริกาให้มีราคาเท่าเดิมโดยที่นโยบายกำแพงภาษีด้านชิ้นส่วนยังมีอยู่’ แหล่งข่าวในบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งกล่าว
ทางด้าน Matt Blunt หัวหน้าสภานโยบายยานยนต์อเมริกัน (American Automotive Policy Council) ซึ่งเป็นตัวแทนของ General Motors และ Stellantis บริษัทแม่ของ Chrysler กล่าวโจมตีการตัดสินใจครั้งนี้ของ Trump ว่า "ข้อตกลงใดๆ ที่เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งแทบจะไม่มีส่วนประกอบจากซัพพลายเออร์ของสหรัฐฯ เลย ในอัตราที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับภาษีที่เรียกเก็บกับรถยนต์ที่ผลิตในอเมริกาเหนือซึ่งมีส่วนประกอบของสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก ถือเป็นข้อตกลงที่แย่มากสำหรับกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและคนงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ"
นับเป็นอีกความท้าทายที่ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น แต่รวมทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะต้องเผชิญหน้า และฝ่าอุปสรรคระลอกนี้ไปให้ได้
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO