เขมรป่วนเช็กกำลังไทย
อุ๊งอิ๊งรูดซิปปากไม่พูดเรื่องกัมพูชา “หมอมิ้ง” เผยนายกฯ ยื่นขอขยายเวลาแจงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว “ประเสริฐ” ชี้เป็นเรื่องสำคัญต้องหาข้อมูลที่ดีที่สุด “พล.อ.ณัฐพล” รับยามนี้สงครามไอโอเต็มรูปแบบ “สมชาย” ท้าฮุน เซน แน่จริงเปิดหลักฐานที่แฉ ส่วน “เทพไท” จี้ทักษิณแจงปมถูกพาดพิง “มทภ.2” เผยหากล้อมรั้ว “ตาเมือนธม” เรื่องบานปลายแน่ แต่กองทัพและกรมศิลป์พร้อมทำหากมีนโยบาย พร้อมปัดปมภูมะเขือเป็นเรื่องเก่า
เมื่อวันอังคารที่ 15 ก.ค.2568 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีประเทศกัมพูชาได้นำวรรณกรรมไทยขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในรายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ น.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด
ภายหลังประชุม ครม. น.ส.แพทองธารยังคงไม่ตอบคำถามกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ฐานกระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และกรณีการดึง นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ มาเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายกฎหมายเขียนคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดย น.ส.แพทองธารเพียงแต่ยิ้ม
ด้าน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ได้ส่งคำขอไปยังศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว เพื่อขอขยายเวลาอีก 15 วัน ก็ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะถือเป็นสิทธิ์อยู่แล้ว เนื่องจากทำคำชี้แจงต่างๆ ยังไม่ทัน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลฯ กล่าวถึงเหตุผลการขยายเวลาว่า ไม่ได้กังวล แต่การยื่นต่อศาลต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วน เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ เราก็อยากเอาข้อมูลออกมาให้ดีที่สุด
“นายกฯ เตรียมพร้อมอยู่แล้ว มีทีมกฎหมายคอยซัพพอร์ตอยู่แล้ว ส่วนเรื่อง ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนคลิปเสียงนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร” นายประเสริฐกล่าว
ส่วน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่ายังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน และจะมีหนังสือเชิญประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ในช่วงเดือน ก.ย. เพราะเราต้องยืนยันในสิ่งที่พูดกันมาแล้ว
เมื่อถามถึงประเด็นการตอบโต้ไปมาระหว่างไทย-กัมพูชาช่วงที่ผ่านมา นายมาริษกล่าวว่า กต.จะชี้แจงผ่านช่องทางที่เป็นทางการ การตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดียไม่ใช่หลักปฏิบัติด้านการทูต กระทรวงจะยึดถือการพูดคุยที่เป็นทางการเท่านั้น การตอบโต้เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่เราไม่ต้องการใช้ช่องทางที่ไม่ใช่ทางการ แม้แต่กรณีการออกมาแฉล่าสุดของสมเด็จฮุน เซน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ มีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม.กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดน จากมาตรการจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดด่านในจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด โดยให้กระทรวงพาณิชย์เร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตามแนวชายแดนที่ต้องส่งสินค้าข้ามแดน ในการหาตลาดหรือขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในการรับซื้อสินค้า ตลอดจนกระบวนการขนส่งสินค้า และให้กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคงดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ และไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยธรรมสากลเป็นที่ตั้ง
รับสงครามไอโอเต็มรูป
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมสร้างรั้วแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนสร้างความไม่พอใจให้กัมพูชา จนสมเด็จฮุน เซน ระบุว่า หากดำเนินการจะมีสงคราม ว่า อย่างที่เคยขอความร่วมมือสื่อมวลชนเรื่องไทย-กัมพูชาเป็นการตอบโต้กันด้วยคำพูดและเอกสารอย่างเป็นทางการก็ยังไม่มี ฉะนั้น อยากให้ฟังจากหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ ซึ่งยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการสร้างรั้วแต่อย่างใด ที่ผ่านมาเป็นการตอบโต้กันทางอากาศ ซึ่งเป็นสงครามไอโอ ทุกคนกำลังอยู่ภายใต้สงครามไอโออย่างแท้จริงเต็มรูปแบบ
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า อยากให้สถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายโดยเร็ว เพราะประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัด เดือดร้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลพยายามคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่าเป็นที่น่าหนักใจ เพราะคนเดือดร้อนมี 7 จังหวัด แต่คนที่ให้ความสำคัญในเรื่องอธิปไตยมี 70 จังหวัด ซึ่งในฐานะเป็น ผอ.ศบ.ทก. จะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่การคลี่คลายสถานการณ์เราต้องคำนึงถึงอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันต้องคิดด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่คำนึงเพียงแต่ศักดิ์ศรีเรื่องเดียว คงจะไม่ถูกต้อง
พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า จะตั้ง พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ กองบัญชาการกองทัพไทย รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษก กห. เพราะมีความสามารถสื่อสารได้ 2 ภาษา หลังจากที่โฆษกคนก่อนได้จบภารกิจไป โดยโฆษก กห.ชุดใหม่ จะมีขนาดกะทัดรัด โดย พล.ร.ต.สุรสันต์จะทำงานคู่ขนานกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. พล.อ.ณัฐพลได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานโฆษก กห. ประกอบด้วย 1.พล.ท.เทวัญ ตันกุล เป็นหัวหน้าสำนักโฆษก กห. 2.พล.ต.แรงภูมิ เหมะทัพพะ เป็นรองหัวหน้าสำนักโฆษก กห. 3.พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ เป็นโฆษก กห. 4.พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ เป็นรองโฆษก กห. 5.พ.ต.หญิง องค์กช วรรณภักตร์ เป็นรองโฆษก กห. และ 6.ร.อ.บรรลุ ฉลาดปรุ เป็นคณะทำงานโฆษก กห.
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติตั้งคณะไต่สวนจริยธรรม น.ส.แพทองธาร ว่าไม่ทราบ แต่อย่างที่บอกว่าเรามาทำงาน ไม่ได้เคียดแค้น หรือคิดแต่จะมุ่งทำลายล้างใคร เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของแต่ละหน่วยงาน เราไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น หรือมีความรู้สึกว่าต้องห้ำหั่นกัน มีแต่เราที่ถูกห้ำหั่น
เมื่อถามว่า หากนายกฯ ถูก 4 องค์การตรวจสอบในประเด็นคลิปเสียงที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ก้าวล่วงอำนาจของแต่ละองค์กร และไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจศาล เพราะจะเป็นการไปชี้นำ ซึ่งผิดทางกฎหมาย
ท้าฮุน เซน เปิดข้อมูล
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอท้านายฮุน เซน อย่าแค่โม้ ถ้าแน่จริงมีจริง ต้องเปิดคลิปลับและเอกสารลับ เพราะส่วนตัวไม่เชื่อนายฮุน เซน จะมีข้อมูลลับตามที่อ้างโจมตีว่านายทักษิณแอบส่งเอกสารลับไปให้จริง เพราะ 1.โทษในประมวลกฎหมายอาญาหมวด 3 ผิดต่อความมั่นคงของรัฐ มีโทษหนักมาก จำคุกสูงถึง 10 ปี เป็นไปได้หรือว่า คนที่เคยเป็นอดีตนายกฯ 2 สมัย อย่างนายทักษิณจะไม่รู้หรือไม่เข้าใจ แอบเอาความลับหรือเอกสารลับไปให้ศัตรูของชาติ 2.ถ้านายฮุน เซน มีคลิปลับมากมายจริงๆ คงปล่อยออกมาแล้ว ไม่แค่ขู่รายวัน ทั้งเรื่องที่ขู่โจมตีกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบัน หรือเรื่องที่อ้างโม้ว่าโทร.ไปปรึกษาเรื่องการเมืองไทยเกือบทุกวัน หรือได้รับเอกสารลับต่างๆ นานา
“ขอท้าแน่จริง เปิดโปงให้หมดเลย อยากรู้ว่ามีจริงหรือแค่เล่นละครขู่แบล็กเมลกันไปมาข้ามประเทศเท่านั้น”
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกัน โดยฉพาะกรณี สมเด็จฮุน เซน กล่าวหานายทักษิณทรยศแม้กระทั่งชาติบ้านเมือง และการดูหมิ่นสถาบัน ว่าคุณทักษิณต้องตอบคำถามที่สมเด็จฮุน เซน ได้พาดพิงอย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของคนไทย คือการดูหมิ่นสถาบัน รวมทั้งต้องชี้แจงประเด็นสมเด็จฮุน เซน ได้พูดในที่ประชุมวุฒิสภาว่า นายทักษิณเป็นผู้ส่งข้อความลับของไทยให้เขา รวมทั้งเอกสารลับในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เมื่อปี 2553
“เรียกร้องให้นายทักษิณได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด และดำเนินการต่อสมเด็จฮุน เซน ถ้าหากว่าเป็นความเท็จ แต่ถ้านายทักษิณไม่กล้าตอบโต้ ไม่กล้าชี้แจง จะตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่สมเด็จฮุน เซน พูดมาทั้งหมดคือความจริง” นายเทพไทระบุ
สำหรับความเคลื่อนไหวในพื้นที่ชายแดนนั้น เมื่อเวลา 12.50 น. มีรายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ได้มีนักท่องเที่ยวหญิงกัมพูชานั่งเฝ้ามองกำลังพลทหารของฝ่ายไทยบริเวณต้นขี้เหล็กตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม จากนั้นได้ตำหนิฝ่ายไทยว่ามายืนในดินแดนของประเทศกัมพูชาทำไม และไล่ทหารไทย โดยชี้หน้าทหารไทยและใช้คำพูดที่หยาบคาย ทหารไทยจึงใช้คำพูดอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง แต่นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาไม่ฟัง และได้นำกำลังทหารจำนวนประมาณ 60 นาย มาบริเวณทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม (บันได) จากนั้นเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย และได้ยินเสียงว่าให้หลบไปจะทำการตั้งปืน ทหารไทยจึงได้รีบให้นักท่องเที่ยวออกจากปราสาทและออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย
จากนั้นอีก 10 นาที ได้มีการพูดคุยกันของทั้ง 2 ประเทศ โดยฝ่ายกัมพูชา พ.ต.กง รุน รอง ผบ.พัน.ร.422 และฝ่ายไทยมี พ.ท.จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผบ.พัน.ร.21 และ ร.อ.ภัทรกร กลั่นการดี ผบ.ร้อย ร.211 พูดคุย และตกลงกันให้กลับสู่สภาวะปกติ และให้ลดการกระทบกระทั่งของนักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว ขอยืนยันว่าสถานการณ์ยังปกติ ไม่มีเหตุการณ์ที่น่ากังวลใดๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางเจ้าที่ทหารฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พูดคุยกันเรียบร้อยเป็นที่เข้าใจ
พล.ท.บุญสินยังกล่าวถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุดว่า ยังคงที่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นไปในแนวทางที่ดี มีการพูดคุยในระดับพื้นที่ แต่ทั้งนี้ต้องรอในระดับนโยบายของทั้ง 2 ฝ่าย
รับบานปลายแน่
เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ขู่ว่าถ้ามีการสร้างรั้วล้อมรอบปราสาทตาเมือนธม จะทำให้สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้น พล.ท.บุญสินกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวกัมพูชาไม่ได้ยอมรับในเรื่องของเขตแดน หากมีการสร้างรั้วก็มีโอกาสบานปลาย แต่หากรัฐบาลสั่งให้สร้างเราก็ต้องสร้าง ดังนั้นจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว รวมถึงกรมศิลปากร หากยืนยันว่าจะสร้าง กองทัพภาคที่ 2 พร้อมดำเนินการ ซึ่งเรายึดแผนที่ฉบับ 1 ต่อ 50,000 ดังนั้น ไม่ว่า Google จะปักหมุดว่าปราสาทตาเมือนธมอยู่ในพื้นที่ไหนก็ไม่มีผล และเป็นเรื่องทางเทคนิคที่รัฐบาลต้องไปแก้ไข จุดต่างๆ เหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ได้เป็นประเด็นอะไร
สำหรับสถานการณ์บริเวณภูมะเขือ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องเก่า เกิดขึ้นนานแล้ว และเป็นพื้นที่ที่เขาเข้ามาอยู่บริเวณจะงอยของภูมะเขือประมาณกว่า 10 นาย ตั้งแต่ปี 2543 โดยเราก็ใช้วิธีการพูดคุยกัน เพราะเราถือแผนที่คนละฉบับ ซึ่งสถานการณ์จะแตกต่างกับพื้นที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะที่การทำพิธีกรรมของชาวกัมพูชา เช่นที่เกิดขึ้นล่าสุดในปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ เราอนุญาตให้ดำเนินการได้ เป็นการอนุโลม แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ซึ่งเป็นการบูชาเทวสถาน
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงข่าวทหารกัมพูชายึดภูมะเขือ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ พื้นที่ภูมะเขือตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวปราสาทเขาพระวิหาร ระยะห่างประมาณ 2.8 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่เป็นประเด็นพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา มาตั้งแต่ พ.ศ.2554 โดยฝ่ายกัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกให้ตีความคำพิพากษาเดิม โดยเฉพาะพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร
พล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า ในอดีตการเข้าถึงพื้นที่ด้านบนของภูมะเขือทางฝั่งกัมพูชา ใช้วิธีการสร้างกระเช้าและบันไดเป็นทางขึ้น แต่ระยะหลังฝ่ายกัมพูชาได้สร้างถนนโดยลัดเลาะตามไหล่เขาในเขตกัมพูชาเพื่อใช้เป็นทางขึ้นสู่ด้านบนของภูมะเขือ ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหรือภูมิประเทศในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์กันอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ล้ำแนวเส้นปฏิบัติการของทหารไทยก็ตาม แต่ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงตาม MOU 2543 ดังนั้นฝ่ายไทยจึงได้เก็บหลักฐานและทำการประท้วงผ่านกลไกความร่วมมือทางทหารในระดับพื้นที่มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง
“แม้ว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในจุดยืนที่สำคัญ ได้แก่ การไม่รุกรานใคร และยึดมั่นในการแก้ปัญหาด้วยหลักสันติวิธี แต่ยังพบเห็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่มักจะละเมิดในข้อตกลงที่มีระหว่างกันอย่างต่อเนื่องนั้น จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายไทยไม่อาจเพิกเฉยต่อความกังวลที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งได้ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมในการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน จึงเป็นภารกิจที่ทหารไทยต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เหมาะสมกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจต่อมิตรประเทศ และสาธารณชนในทุกช่องทาง เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลถูกบิดเบือนโดยผู้ไม่หวังดีในอนาคต”
วันเดียวกัน พล.ท.บุญสินยังได้รับมอบบลูบังเกอร์ปลอดภัยให้กับทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จากคณบดีและผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย
ตร.ไซเบอร์จับลูกก๊กอาน
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พร้อมกำลังนำหมายศาลเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เครือข่ายก๊กอานเจ้าพ่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคนสนิทสมเด็จฮุน เซน จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้หลายคน ผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คน เป็นลูกชายและลูกสาวของนายก๊กอาน ประกอบไปด้วย น.ส.จุรี น.ส.ภูเฌอหลิน และนายกิตติศักดิ์ โดยกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งทั้งหมดมีบัตรประชาชนไทยที่เจ้าหน้าที่มหาดไทยต้องเร่งสืบสวนว่าได้มาอย่างไร
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับองค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) เพื่อขอออกหมายแดงผู้ต้องหาในเครือข่ายก๊กอาน โดยเส้นทางการเงินที่นำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 6 รายล่าสุดนั้น มีขนาดใหญ่และมีความชัดเจนมาก ซึ่งน่าจะนำไปสู่การขยายผลถึงแหล่งฟอกเงินได้ โดยวิธีการฟอกเงินในประเทศไทยของเครือข่ายนี้คือการลงทุนในสินทรัพย์ส่วนบุคคล เช่น การซื้อบ้านและรถยนต์
ส่วนของความเชื่อมโยงกับคนไทย พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ และหากพบว่ามีคนไทยร่วมขบวนการจริง จะมีการดำเนินคดีด้วยโทษสูงสุดในฐานะไส้ศึก.