'วิโรจน์' อัด ครม.ชุดใหม่ ไม่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน ไร้ 'รมว.กลาโหม'
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขณะนี้ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาดูแลจัดการนั้น ว่า ประชาชนตั้งคำถามในระหว่างที่เกิดข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ กลไกสำคัญ คือ รัฐมนตรีที่ต้องถือธงนำในการแก้ปัญหา คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่การปรับ ครม. ปรากฏว่า ปล่อยให้ว่างเว้นตำแหน่งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้ยึดตามสถานการณ์ อยู่ที่บ้านเมืองกำลังเผชิญอยู่มาเป็นโจทย์ในการปรับ ครม. ไม่ได้เอาเรื่องที่ประชาชนใส่ใจหรือกังวลใจ มาอยู่ในสมการการปรับ ครม. เลย แสดงว่าเป็นการเอา 8 เก้าอี้ โยนลงไปเพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลได้แบ่งสันปันส่วน ให้ตนได้ครองอำนาจภายใต้ความไร้เสถียรภาพเท่านั้นเอง
"เป็นการประคองเรือที่กำลังจะล่มไม่ให้อับปาง แต่ท้ายที่สุดด้วยความไร้เสถียรภาพ ของรัฐนาวา ไม่ล่มวันนี้ ก็ล่มพรุ่งนี้ วันที่เปิดสภาวันแรก แค่ 13 นาทีก็เรียบร้อย เรียกได้ว่า รีดสูท ยังไม่ทันยับก็ต้องกลับบ้านแล้ว" นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้อำนาจเต็ม แต่ยังตัดสินใจประเด็นใหญ่ไม่ได้ต้องนำมาเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เห็นไหม ถ้ามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะต้องมีเงื่อนไขอะไรตรงนี้หรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า อาจจะเป็นเทคนิคเรื่องโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ นายวิโรจน์ กล่าวว่ารัฐบาลคิดแต่เรื่องเทคนิค ตั้งแต่ตอนเข้ามาก็บอกว่าเทคนิคการหาเสียง โทรไปหา “อังเคิล” ก็บอกว่าเป็นเทคนิคการเจรจาต่อรอง นี่ยังว่าเป็นเทคนิคอะไร เอาง่ายๆ ทุกคนเดาได้คือเว้นว่างเอาไว้เพื่อดีล ขอรายชื่อจากคนที่ไปดีล จะได้ประคองรัฐนาวา เพื่อให้ได้ใบสั่งหรือใบอนุญาตให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อ รัฐบาลคิดอยู่เพียงแค่นี้ การดีล หรือการหยิบยื่นผลประโยชน์เพื่อให้ตัวเองครองอำนาจอยู่โดยไม่คำนึงถึงโจทก์ที่ประเทศกำลังเผชิญไม่คำนึงถึงความกังวลใจของประชาชนที่กำลังถามว่าจะเอายังไงกับปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา สุดท้ายก็คิดแต่เรื่องของตัวเอง
ส่วนที่รัฐบาลบอกว่ามีสัญญาณที่ดีที่กัมพูชาจะเข้าสู่โต๊ะเจรจา (GBC) นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็อนุโมทนาด้วย เพราะเรายืนยันอยู่แล้วว่า เราต้องการการเจรจาภายใต้เงื่อนไขและเหตุผล ที่ยึดและอ้างอิง MOU 43 แต่เรื่องนี้ก็ต้องติดตามต่อ
ส่วนที่ฝั่งกัมพูชายังคงยืนยันว่าประสาทตาเมือนเป็นของตนเองนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็ปล่อยให้เขาพูดไป การเมืองในโลกยุคใหม่หรือการเมืองระหว่างประเทศ กลไกในการป้องกันการฟอกเงิน การโยกย้ายเงินทุน โดยเฉพาะเงินทุนที่มาจากการก่ออาชญากรรมทางการเงินหรือ อาชญากรรมทางไซเบอร์ สามารถสืบเส้นเงินได้อย่างแม่นยำมาก ตนคิดว่าวันนี้ “ฮุน เซน“ ก็กำลังแอบเชื่อมสัญญาณดูว่า จะทำอะไรตนเองบ้าง
"เขาบอกว่า ไม่เคยมียุคไหนที่ประเทศไทยหวาดกลัว กัมพูชาขนาดนี้ แต่ผมว่า ไม่มีห้วงเวลาไหนแล้วที่กัมพูชาจะหวาดกลัวโลกขนาดวันนี้เหมือนกัน เพราะการป้องกันและการปราบปรามการฟอกเงินจากนานาอารยะประเทศ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการจัดการ ฐานที่มั่นอาชญากรรมทางไซเบอร์ และเราต้องยอมรับว่าฐานที่มั่นหนึ่งที่สำคัญในโลกเป็นแหล่งฟอกเงินคือกัมพูชา" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ ยังกล่าวต่อว่า และที่สำคัญไม่ใช่เรื่องของการแทรกแซงกิจการในประเทศของเขา เพราะการก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ล้วนเกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยก็มีผู้เสียหายจำนวนมาก และผู้เสียหาย 1 ใน 5 เป็นผู้สูงอายุ ที่เก็บคืนเงินมาทั้งชีวิตและถูกปล้นเอาไป ดังนั้น เป็นอาชญากรรมที่ตนไม่สามารถให้อภัยกับคนเหล่านี้ได้ไม่ว่าคนเหล่านี้จะเป็นคนเชื้อชาติใดสัญชาติใดก็ตาม