โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

15 วิธีเปลี่ยนแนวคิด ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ พร้อมเติบโตอย่างงดงาม

SistaCafe

อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • SistaCafe

สวัสดีค่าา ชาว SistaCafe ที่กำลังก้าวผ่าน ' ช่วงวัยรุ่น ' ทุกคน ! แม้จะอยากหลีกหนีความจริงแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องก้าวผ่านจากวัยสนุกสนาน ได้เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ ลองผิดลองถูกมากมาย เติบโตเข้าสู่ ' วัยผู้ใหญ่ ' ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอย่างเต็มตัว มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และตระหนักเพิ่มขึ้นทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง เพื่อให้ได้รับความนับถือ ไว้เนื้อเชื่อใจเพิ่มขึ้น

บางคนได้รับปูทางมาดีแล้วตั้งแต่ยังเด็ก ผ่านการอบรมสั่งสอน มีตัวอย่างที่ดีให้ได้เห็น จากดอกไม้ตูมจึงกลายเป็นดอกไม้ที่ผลิบานได้อย่างงดงาม แต่สำหรับบางคน คำว่าผู้ใหญ่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ ' ไกลตัว ' เอามากๆ การสลัดชุดนักศึกษากลายมาเป็น First Jobber ก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่ เราจะปรับตัวให้เข้ากับสังคมภายนอกในโลกความจริงได้อย่างไรกันนะ ?

ทุกคนทราบไหมคะว่า การเป็นผู้ใหญ่ที่ดีหรือไม่ดี จุดเริ่มต้นอยู่ที่ mindset เป็นอันดับแรก เราจึงอยากพาทุกคนมาอ่าน ' 15 วิธีเปลี่ยนแนวคิด ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ' เป็นคนมีความรับผิดชอบ ที่ใครๆ ก็เคารพ ในบทความนี้กัน เพื่อสลัดความไม่รู้ในวัยเยาว์ เป็นสาวเต็มตัวพร้อมรับบทเรียนใหม่ๆ ในชีวิต จะมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลยค่ะ (´。• ω •。`) ♡


How to วิธีเปลี่ยนแนวคิด ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ 101

1 ตั้งเป้าหมายในชีวิตที่อยากไปถึง ให้ชัดเจนและเด็ดเดี่ยว

ตอนที่เรายังเด็ก อาจจะยังใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง ล่องลอยไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมายได้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัว สิ่งแรกที่ควรทำคือการเริ่มโฟกัส ' อนาคต ' ตัวเองอย่างจริงจัง ! อยากพาตัวเองไปถึงจุดไหน ? มีความฝันที่อยากทำไหม ? จุดสูงสุดในชีวิตที่คิดไว้คืออะไร ? และต้องมีสกิล มีคอนเนกชันอะไรบ้างที่จะไปให้ถึงจุดนั้น ? ถ้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย ให้ตอบทันทีก็คงยาก แต่ถ้าอายุใกล้จะโบกมือลาวัยเรียนเต็มที คิดๆ ไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่าค่ะ

ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นความฝันหรูเริ่ด มีเงินในบัญชีร้อยล้านพันล้าน ต้องเที่ยวรอบโลก ต้องเป็นเจ้าของกิจการเสมอไป บางทีความฝันของเราอาจเป็นแค่ใช้ชีวิตอย่างสงบๆ เรียบง่ายและมีความสุขจนกว่าจะจากไปก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าลืมว่าในโลกความจริง จะมีชีวิตที่นิ่งได้ เงินในบัญชีก็ต้องมีเพียงพอเสียก่อน แล้วจะทำงานอะไร ลงทุนแบบไหนให้ไม่ต้องดิ้นรนได้ นั่นแหละคือ ' เป้าหมาย ' ที่ต้องขีดเส้นใต้ให้ชัด แล้วก้าวขึ้นไปอย่างเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น

เมื่อเรามีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเพื่อไปให้ถึง เราจะไม่ท้อหรือเคว้งกลางทาง ไม่เกิดอาการ midlife crisis หรือ burnout ในการใช้ชีวิตที่มาจากการตั้งเป้าหมายไว้ไม่ชัดเจนในอดีตได้นั่นเองค่ะ


2 พูดให้น้อยลง ฟังให้มากขึ้น

นิสัยอย่างนึงที่ค่อนข้างแยกได้ชัดว่าใครเป็นเด็ก ใครเป็นผู้ใหญ่ ( ที่ดี ) ก็คือ ผู้ใหญ่จะฟังมากกว่าเด็กเสมอ เริ่มบทเรียนการเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการทำตัวเป็น ผู้ฟังที่ดี ให้มากขึ้น ถ้ามีคนที่กำลังพูดอยู่ ไม่ว่าจะคุยกันสองต่อสองหรือแบบกลุ่ม ควรรอให้เขาพูดจบประโยคก่อน อย่าพูดแทรก เพราะเป็นนิสัยที่บ่งบอกว่ายังไม่โตมากๆ

หากทำตอนเด็กคนรอบตัวอาจจะยังไม่ถือสา แต่ถ้าโตแล้วถึงไม่มีใครมาตำหนิต่อหน้า แต่เขาจะมองว่าคนนี้พฤติกรรมไม่น่ารักแทน ดังนั้นจงฟังให้มากกว่าพูด และต้องสนใจที่จะฟังจริงๆ ไม่ใช่ฟังแบบเอาหูทวนลม จะพบว่าการพูดคุยบางหัวข้อไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อหรือทะเลาะกัน ถ้าทุกฝ่ายตั้งใจรับฟังตั้งแต่แรก


3 ข่มใจ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ แม้ในใจจะรู้สึกแบบไหนก็ตาม

เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญมากหากต้องการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ (ที่ดี) ต้องเรียนรู้ว่า ในโลกภายนอกนั้น เราไม่สามารถพูดทุกสิ่งในใจออกไปได้ แม้จะบอกว่าเป็นคนตรงๆ จริงใจแค่ไหน แต่การเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงาน บางอย่างก็ต้องเคารพ ให้เกียรติผู้อื่น และมีมารยาทสังคมด้วย หากพูดสิ่งที่อาจจะจริง แต่ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกคนอื่น หรือเรียกง่ายๆ ว่าหักหน้า คนรอบตัวจะไม่ได้มองว่าเราเท่หรือเป็นฮีโร่ แต่จะมองว่าไร้มารยาท หรือไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์และโอกาสหน้าที่การงานได้เลยค่ะ

ดังนั้นเมื่อเข้าสู่โลกความเป็นจริงแล้ว ถ้าต้องประชุมงาน คุยกับคนแปลกหน้า ลูกค้า เจ้านาย หรือใครก็ตาม ต้องหัด ' ข่มใจ ' เก็บสีหน้า เก็บอารมณ์ และแสดงความเป็นมิตรเสมอ แม้ในใจจะอยากกรี๊ด ร้องไห้ หรือไม่ชอบหน้าฝ่ายตรงข้ามแค่ไหนก็ตาม ต้องก้าวผ่านและแสดงความเป็นมือโปรออกมาให้ได้ ช่วงแรกอาจจะยากหน่อย แต่ในระยะยาวเชื่อเถอะว่า คนที่ควบคุมตัวเองได้ มีเครดิตดีกว่าคนที่เอะอะก็น็อตหลุด กรีดร้อง ด่าหยาบๆ คายๆ ให้คนระอาอย่างแน่นอน


4 รับฟังและเคารพในการตัดสินใจของคนอื่น แม้จะไม่ถูกใจก็ตาม

อีกนิสัยที่แสดงถึงความไม่โต คือความคิดประเภท ' โลกหมุนรอบตัวเอง ' ความคิดของฉันถูกต้องที่สุดในโลก ทำไมต้องฟังคนอื่นด้วย ถ้ายึดมั่นถือมั่นแค่ตัวเองยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าลามไปถึงเจ้ากี้เจ้าการ วิจารณ์คนอื่นด้วยมาตรฐานของตัวเองด้วยแล้วนั้น ยิ่งไปกันใหญ่ อย่าลืมว่าแม้เราจะตัดสินคนอื่นยังไง เขาก็ใช้ชีวิตอย่างที่เขาชอบอยู่ดี ไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่พฤติกรรมเหล่านี้มันบ่งบอกว่าเราไปล้ำเส้นชีวิตคนอื่น ซึ่งไม่มีใครชอบ และดูไม่น่ารักเอามากๆ

หากอยากเป็นผู้ใหญ่ที่ใครๆ ก็เคารพ ต้องเปิดใจให้กว้างและเป็นกลางให้มากที่สุด อย่ามองผู้อื่นแค่พื้นฐานที่ตัวเองรับรู้ และมีความเชื่อในแบบของตัวเองเพียงอย่างเดียว เพราะโลกใบนี้มันกว้างใหญ่กว่านั้นมาก ทุกคนมีประสบการณ์ต่างกัน เติบโตและใช้ชีวิตต่างกัน จึงไม่แปลกที่เขาจะเลือกทางเดินต่างจากสิ่งที่เราคิดไว้ ขอแค่ให้เกียรติกันและกัน รู้จักเคารพผู้อื่น ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข ! กฎนี้ใช้ได้ตั้งแต่คนแปลกหน้า คนรู้จัก รวมถึงเพื่อนสนิท พ่อแม่และคนรักในอนาคตได้เลยค่ะ


5 ยอมรับในสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ของโลกใบนี้

ความจริงของโลกที่เธอต้องทำใจยอมรับ เมื่อก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ก็คือ เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ บางเรื่องถ้ามันจะเกิดขึ้น มันก็จะเกิดขึ้น ไม่ว่าเธอจะดีใจหรือไม่ก็ตาม มีทั้งเหตุตามธรรมชาติที่ยับยั้งไม่ได้ เช่น ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ตึกถล่ม น้ำท่วม การเกิดแก่เจ็บตาย หรือแม้แต่เรื่องง่ายๆ เช่น ความรัก ที่เราบังคับใครให้รักเราไม่ได้เช่นกัน

สิ่งที่ทำได้ ไม่ใช่ว่ายอมรับแล้วยอมแพ้ ไม่ใส่ใจ ไม่คิดถึงประเด็นเหล่านั้นอีกต่อไป แต่หมายถึง การถอยห่างออกมาหลายๆ ก้าว รับฟังมุมมองจากหลายฝ่ายให้มากที่สุด คิดและวิเคราะห์ให้ดี แล้วแก้ปัญหาอย่างระมัดระวัง บางอย่างแก้ที่ต้นเหตุได้ก็ค่อยๆ แก้ไป แต่ถ้าบางปัญหาเกินตัวเราจะแก้ไข ก็อาจต้องแก้ที่ตัวเราแทน เช่น ถ้าบ้านน้ำท่วม เรายังยกของขึ้นที่สูงได้ ถ้าไฟไหม้บ้าน เรายังสร้างบ้านใหม่ได้ แต่ถ้าเขาไม่รัก ก็อย่าไปดึงดัน ทำใจแล้วมูฟออนออกมาน่าจะง่ายกว่า เป็นต้น


6 เปิดใจ มองโลกในแง่ดี คิดบวกในทุกสถานการณ์ ( แต่ยังนึกถึงความเป็นจริง )

สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เราได้เติบโตก้าวไปอีกขั้นแล้วจริงๆ ก็คือ รู้จักคิดแบบปรับมุมมอง หาข้อดีได้แม้ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด คนที่มี mindset ทุกอย่างในแง่ลบตลอดเวลา โทษทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นตัวเอง นอกจากมีออร่าหม่นหมองที่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้แล้วนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ค่อนข้างแคบ พูดง่ายๆ เหมือนยังเป็นเด็กอยู่นั่นแหล่ะ พออารมณ์เสีย ก็เอาแต่หงุดหงิด โทษนู้นนี้ ไม่คิดหาทางแก้ไข

แต่ในทางกลับกัน การมองโลกในแง่บวก พยายามหาข้อได้เปรียบ ข้อคิดหรือบทเรียนจากสถานการณ์ไม่ดี แต่ยังอยู่ในขอบเขตความเป็นจริง จะบ่งบอกได้ว่าเราเป็นคนที่สามารถพึ่งพาได้ จิตใจแข็งแกร่ง ไม่ล้มง่ายๆ และไม่ทำให้บรรยากาศโดยรวมเสีย แต่จะเป็นฝ่ายให้กำลังใจ cheer up ผู้อื่นแทน ดีต่อสุขภาพจิตทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ที่สำคัญเมื่อจิตใจยังแจ่มใส ก็คิดหาวิธีแก้ปัญหาออกได้ง่ายขึ้นด้วยนะคะ


7 หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ อิจฉาริษยา นินทาผู้อื่น

คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ อยู่ได้สบายๆ เป็นที่เคารพนับถือในสังคมภายนอกนั้น ต้องมีคุณสมบัติหนึ่งคือ ไม่ขี้นินทา อิจฉาริษยา หรือขี้แซะคนอื่น เพราะนั่นคือนิสัยที่เด็กๆ เขาทำกัน เมื่อก้าวสู่วัยทำงานเต็มตัว เพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพการงาน และสุขภาพจิตของเราเอง ก็ควรโฟกัสที่ความสามารถและผลงานในแต่ละวันของตัวเอง ดีกว่าหาเรื่องจ้องจับผิดคนอื่น

รวมถึงอยากให้ทำใจยอมรับไว้ว่า แม้เราจะไม่นินทา ไม่ว่าร้ายคนอื่น แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าคนอื่นจะทำแบบนั้นเช่นกัน คนที่ทำงานเดียวกัน คนข้างบ้าน หรือคอมเมนต์ toxic ในอินเทอร์เน็ต ยิ่งถ้าเรามีอะไรที่โดดเด่นกว่า ก็อาจเป็นเป้าของพวกปากหอยปากปูที่มีนิสัยยังไม่โตเหล่านี้ พูดอะไรไม่ดีๆ ถึงเราได้ ฉะนั้นอย่างที่บอกไปว่าเราควบคุมทุกอย่างบนโลกไม่ได้ ถ้าโชคร้ายต้องเจอจริงๆ ก็นิ่งไว้ เก็บอารมณ์ให้ดีที่สุด อันไหนปล่อยได้ปก็ล่อย อันไหนล้ำเส้นมากๆ ก็จัดการไปตามระเบียบบริษัทหรือกฎหมาย จะเป็นการจัดการที่ดีที่สุด


8 เลือกคบเพื่อนและสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมเรา

การใช้ชีวิตของเราไม่ได้ถูกกำหนดแค่จากความสามารถหรือความพยายามส่วนตัว แต่ยังถูกหล่อหลอมจาก คนที่เราใช้เวลาด้วย และ สิ่งแวดล้อมรอบตัว แบบที่บางครั้งเราอาจไม่รู้ตัว เพราะมนุษย์มีธรรมชาติที่ซึมซับความคิด พฤติกรรม และพลังงานจากรอบข้างอยู่ตลอดเวลา บอกได้ว่าเพื่อนและสิ่งแวดล้อมคือกระจกสะท้อนตัวเรา เพราะเรามักซึมซับพฤติกรรม ความคิด และทัศนคติจากคนรอบตัวแบบไม่รู้ตัว

รวมถึงเมื่อเราอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ดี จะมีกำลังใจมากกว่าอยู่กับคนที่ชอบบ่นหรือดูถูก อีกทั้งเพื่อนหรือสภาพแวดล้อมที่ดีมักนำพาโอกาสใหม่ ๆ มาให้เราได้อีกด้วย ฉะนั้นการเลือกคบเพื่อนและอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ช่วยส่งเสริมให้เราเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ด้วยเช่นกัน


9 รับมือกับความล้มเหลวอย่างมีสติ

ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ไม่ว่าจะในชีวิตส่วนตัว การเรียน หรือการทำงาน สิ่งที่แตกต่างระหว่างคนที่เติบโตกับคนที่เป็นเด็ก คือ วิธีที่รับมือกับมัน

หลายคนมองว่าความล้มเหลวเป็นจุดจบ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ “จุดเปลี่ยน” ที่สำคัญ เพราะไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่ล้มสักครั้ง การรับมือกับการล้มเหลวอย่างมีสติ ก็ถือเป็นอีกสิ่งที่บ่งบอกว่าเราป็นผู้ใหญ่แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือการยอมรับว่ามันเกิดขึ้นโดยไม่ปฏิเสธหรือโทษใครก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ วิเคราะห์สาเหตุ มองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน แล้วกลับมาลองแก้ไขอีกครั้งด้วยวิธีใหม่ เช่น สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน แทนที่จะโทษบริษัทให้ลองขอ feedback จากผู้สัมภาษณ์เพื่อรู้ว่าต้องพัฒนาอะไรเพิ่มขึ้น เป็นต้น


10 พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

การเป็นผู้ใหญ่ที่ดี คือ การเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดี หรือ เก่งขึ้นกว่าเมื่อวาน ดังนั้นการพัฒนาตัวเองไม่ได้หมายถึงแค่การเรียนหนังสือหรืออบรมต่างๆ แต่คือการ ตั้งใจปรับปรุงทั้งทักษะ ความคิด และนิสัย ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้เราพร้อมรับมือกับโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ในการเป็นผู้ใหญ่

สิ่งสำคัญของแนวคิดนี้คือ พยายามมีความใฝ่รู้อยู่ตลอด รวมถึงเปิดรับ รับฟัง feedback จากคนรอบตัว และกล้าทดลองวิธีใหม่ ๆ โดยที่ลงมือทำจริง ไม่ใช่แค่ตั้งใจจะทำอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ แค่พัฒนาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้เราสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวานก็พอแล้ว


11 ดูแลสุขภาพกายและใจ

ในโลกของการเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีอะไรง่ายแถมยังเต็มไปด้วยความกดดันในการใช้ชีวิต หลายคนทุ่มเทให้กับการทำงานและภาระหน้าที่จนลืมดูแลตัวเอง แต่ความจริงแล้ว “สุขภาพกายและใจ” คือรากฐานของทุกความสำเร็จ เพราะถ้าร่างกายหรือจิตใจอ่อนล้า ก็ยากที่จะทำสิ่งใดให้ดีขึ้นได้

การจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ต้องเริ่มจากตัวเรามีความสุขดีเสียก่อน จึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองควบคู่กันทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยให้จิตใจสดใส และจิตใจที่แข็งแรงก็ทำให้ร่างกายฟื้นตัวและทำงานได้เต็มที่ อยากเติบโตเป็นคนที่ดีมีความสุขก็ต้องเริ่มจากการรักตัวเองให้เป็นซะก่อนนะ


12 ให้คุณค่ากับเวลา

ยิ่งโตขึ้นเราจะยิ่งรู้ว่า เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด อายุผ่านไปไว คนรอบตัวเริ่มจากไป รวมถึงเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขข้อผิดพลาด หรือเสียดายกับอะไรที่ไม่ได้ลงมือทำได้ ทุกคนมีเท่ากันวันละ 24 ชั่วโมง ต่างกันที่เราใช้มันอย่างไร ?

การให้คุณค่ากับเวลาไม่ได้หมายถึงการทำงานให้เยอะที่สุด แต่คือการใช้เวลาอย่างมีความหมาย เลือกทำสิ่งที่สำคัญต่อเป้าหมายและชีวิตที่ตั้งใจไว้ ลดเวลาที่สูญเปล่าไปกับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ หลายคนมักบ่นว่า “ไม่มีเวลา” แต่ความจริงแล้วเวลาไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เราอาจจะแบ่งเวลาไปให้กับอะไรที่ไม่ได้มีคุณค่าที่แท้จริงหรือเปล่า ในเมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็จงใช้เวลาที่มีไปกับมันให้คุ้มค่าที่สุด


13 มองผลลัพธ์ระยะยาวมากกว่าความสุขชั่วคราว

ความต่างกันของเด็กและผู้ใหญ่ คือ คิดได้ไกลกว่า ด้วยภาระหน้าที่ ความรับชอบในการเติบโตทำให้เราต้องมองไปยังอนาคตข้างหน้า มองให้ไกลขึ้น ต่างจากเด็กๆ ที่มองแค่เรื่องปัจจุบันระยะสั้นๆ ไม่คิดมากเกินไป

การมองผลลัพธ์ระยะยาวมากกว่าความสุขชั่วคราว คือการฝึกมุมมองและการตัดสินใจให้ไม่ถูกชักจูงด้วยความพึงพอใจทันที แต่เลือกสิ่งที่อาจยากในตอนนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคต เช่น ใช้เงินซื้อของที่อยากได้ทันทีเป็นเพียงความสุขชั่วคราว แต่หากก็บเงินไว้เพื่อลงทุนหรือซื้อสิ่งที่สร้างมูลค่าในอนาคตก็อาจจะเป้็นผลลัพธ์ระยะยาวที่ดีกว่า เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องใช้วินัย ความชัดเจนในเป้าหมาย และการมองภาพใหญ่ของชีวิต พูดง่ายๆ ว่าการเป็นผู้ใหญ่ต้องรู้จัก แลกความสบายตอนนี้กับผลที่ยั่งยืนกว่า นั่นเอง


14 กล้าตัดสินใจเอง และยอมรับความรับผิดชอบของตัวเอง

การเป็นผู้ใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบ และทำให้เข้าใจว่าโลกแห่งความจริง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เท่านั้น การกล้าตัดสินใจเองและยอมรับผลลัพธ์ของการตัดสินใจคือหนึ่งในทักษะสำคัญของผู้ใหญ่ เป็นการฝึกให้เราไม่พึ่งพาคนอื่นจนเกินไป และพร้อมเผชิญกับผลลัพธ์จากการตัดสินใจของตัวเองอย่างเต็มที่

การตัดสินใจเองช่วยให้เราเป็นผู้ใหญ่และมีอิสระในชีวิต รู้จักยอมรับ มีความรับผิดชอบ ได้เรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลว และแน่นอนว่าการที่รับผิดชอบตนเองได้ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจในตัวเองให้กับเรา


15 บริหารการเงินอย่างมีวินัย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตคือ เงิน หลายคนทำงานหนักหาเงิน แต่กลับหมดเงินก่อนสิ้นเดือน หรือไม่มีเงินเก็บไว้ยามฉุกเฉิน สาเหตุหลักคือ ขาดวินัยในการบริหารการเงิน ถือเป็นเรื่องสำคัญในการจัดการชีวิตและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมาก ๆ

การบริหารการเงินอย่างมีวินัยไม่ได้หมายถึงการประหยัดจนไม่ใช้จ่ายอะไรเลย แต่คือการ รู้จักวางแผน ใช้จ่าย และออมเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในปัจจุบันและอนาคต เริ่มจากมีงบประมาณรายรับ–รายจ่ายที่ชัดเจน รู้จักแยกเงินเพื่อใช้จ่าย ออม และลงทุนเป็นสัดส่วน ที่สำคัญต้องลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะการมีวินัยด้านการเงินที่ดี ช่วยให้เราควบคุมชีวิตได้ดีขึ้น และลดความเครียดเรื่องเงินๆ ทองๆ ไปได้ด้วย

--------------------------------------

การเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากการฝึกฝนและเปลี่ยนแปลงแนวคิดอย่างต่อเนื่อง สำหรับ 15 วิธีเปลี่ยนแนวคิด ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ หวังว่าจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีวินัย และรับผิดชอบตัวเอง เมื่อเราฝึกทำอย่างสม่ำเสมอ เชื่อเถอะว่าแนวคิดเหล่านี้จะกลายเป็น นิสัยและทัศนคติของผู้ใหญ่เต็มตัว ที่สามารถเผชิญความท้าทาย ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง

ค่อยๆ เรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่เช่น ควบคุมอารมณ์ให้นิ่ง เป็นผู้ฟังที่ดี เคารพการตัดสินใจของผู้อื่น และโฟกัสที่ความพยายามของตัวเองมากสิ่งอื่นๆ รับรองว่าดีต่อตัวเราเองแน่ๆ อาจจะทำให้ได้รับโอกาสใหม่ๆ จากผู้อื่น ได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกด้วย ยังไงก็ลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ ^^

บทความแนะนำ

อ่านบทความต้นฉบับได้ที่: SistaCafe.com ครบเครื่องเรื่องบิวตี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SistaCafe

Morning Shed ตื่นแล้วสวยเลย

20 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แต่งหน้าออกงาน How to แต่งยังไงให้ปัง เหมาะสมกับงาน

1 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

“Din Restaurant and Jazz Bar” ลิ้มรสอาหารสไตล์โฮมคุกกิ้ง ในแจ๊สบาร์สุดชิล

Manager Online

เปิดประวัติและผลงาน 'เทย์เลอร์ สวิฟต์' ก่อนประกาศหมั้นทราวิส เคลซี่

ฐานเศรษฐกิจ

LIVE ถ่ายทอดสด กริมสบี้ ทาวน์ พบ แมนยู คาราบาวคัพ วันนี้ 27 ส.ค.68

PostToday

เปิดตัว vivo V60 มาพร้อมชิป Snapdragon 7 Gen 4 และกล้องเลนส์ ZEISS ซูม 10 เท่า

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ขอต้อนรับเข้าสู่ยุค ‘Happily Ever After’ ว่าด้วยจักรวาลชีวิตและความรักของเทย์เลอร์ สวิฟต์

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

กทม. ปรับปรุงทางเท้าทั่วกรุงฯ ทะลุเป้าแล้วกว่า 1,100 กิโลเมตร ย้ำ เดินหน้าพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อกรุงเทพฯ เดินได้ เดินดี และน่าเดิน

tvpoolonline.com

DICE เปิดตัวซิงเกิลใหม่ BILLIONAIRE ก่อนปล่อยอัลบั้มชุดแรก POSSIBILITIES 1 ก.ย. นี้

THE STANDARD

ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบสโลว์ไลฟ์ ท่ามกลางวิวภูเขาไฟฟูจิ

KLOOK

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...