ปภ. ติดตามผลกระทบจาก ‘พายุหนองฟ้า’ กำชับจังหวัดเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 1 ก.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประชุมเอสเอที ติดตามสถานการณ์ผลกระทบจากพายุหนองฟ้า กำชับทุกจังหวัดติดตามและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ให้ห้วงถัดไป ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัยให้เร่งระดมทรัพยากรเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่องและเต็มกำลัง ดูแลการใช้จ่ายเงินทดรองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมสั่งการศูนย์ ปภ. เขตตรวจสอบความพร้อมและจัดสรรกำลังพลในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าร่วมประชุม ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ปภ. รายงานว่า พายุหนองฟ้า ได้กลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเคลื่อนเข้าสู่ประเทศเมียนมาแล้ว ทำให้ปริมาณฝนในประเทศไทยโดยภาพรวมลดลงในทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ด้วยอิทธิพลของร่องมรสุมที่พัดผ่านประเทศไทย จึงยังคงทำให้หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกอยู่ ขอให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยเฉพาะจังหวัดลุ่มน้ำโขงให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยให้เร่งเสริมความแข็งแรงของแนวคันกั้นน้ำและสร้างแนวป้องกันในพื้นที่ที่ไม่มีแนวคันกั้นน้ำ (พื้นที่ฟันหลอ) เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ได้เน้นย้ำให้เร่งระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนในการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยให้ความสำคัญกับการดูแลด้านการดำรงชีพเบื้องต้นอย่างเพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการของผู้ประสบภัย จัดส่งถุงยังชีพ อาหารปรุงสุก และน้ำดื่มสะอาดให้กับทุกครัวเรือนตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง จัดทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจผู้ประสบภัย รวมถึงจัดการสุขอนามัยของสิ่งแวดล้อมในบริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราวให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดหรือโรคติดต่อต่าง ๆ ขึ้น
นอกจากนี้ ให้จังหวัดตรวจสอบวงเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2568 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ หากคาดว่าจะไม่เพียงพอ ให้ขอขยายวงเงินฯ มาที่ปภ.ทันที เพื่อขออนุมัติขยายวงเงินไปยังกรมบัญชีกลางต่อไป อีกทั้ง ได้กำชับให้ ปภ.เขตดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความพร้อมของกำลังพล เจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมทั้งจัดทำแผนสับเปลี่ยนกำลังพล เพื่อให้การสนับสนุนการปฏิบัติของจังหวัดเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วและพร้อมรับการปฏิบัติงานในห้วงถัดไปในกรณีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.ย. 2568) ปภ.ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยรวมกว่า 103 รายการ และเจ้าหน้าที่รวมกว่า 57 คน จาก ปภ.เขตจำนวน 5 เขต ได้แก่ ปภ. เขต 8 กำแพงเพชร ปภ. เขต 9 พิษณุโลก ปภ. เขต 10 ลำปาง ปภ. เขต 2 สุพรรณบุรี และปภ. เขต 16 ชัยนาท รวมถึงส่งเฮลิคอปเตอร์ ปภ. KA-32 จำนวน 1 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย