งบปี 69 ผ่านฉลุย! วุฒิสภาไฟเขียว 151 เสียง จับตาค้าปลีก-รับเหมาคึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.ย.68) การประชุมวุฒิสภา ซึ่งมีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 หลังจากสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะครบทั้ง 78 คน
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 151 เสียง (เพิ่มจาก 148 +3) ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง ส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2569 ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา โดยขั้นตอนต่อจากนี้ จะส่งร่างกฎหมายกลับไปยังรัฐบาล เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้ต่อไป
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขอบคุณวุฒิสภาที่เห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว โดยย้ำว่า งบประมาณปี 2569 เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อสร้างความมั่นคง ความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งพัฒนาระบบราชการให้ตอบสนองประชาชนได้ในทุกมิติ
สำหรับข้อคิดเห็น คำแนะนำ และความห่วงใยจากสมาชิกวุฒิสภา นายพิชัย ยืนยันว่า รัฐบาลจะนำมาพิจารณาปรับปรุงการทำงานของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณมากที่สุด พร้อมขอบคุณคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ร่วมพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อย่างเต็มที่ และได้ให้ข้อสังเกตที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ
ทั้งนี้ นายพิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะกำกับดูแลการใช้งบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่วางไว้ เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน
ด้านฝ่ายกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า การที่ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ถือเป็นปัจจัยบวกต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) เนื่องจากช่วยจำกัด Downside ในช่วงรอยต่อทางการเมือง และปลดล็อกปัจจัย Overhang ที่กดดันตลาดในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ฝ่ายกลยุทธ์มองว่า จะเป็นแรงหนุนเชิงจิตวิทยาต่อหุ้น Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือHMPRO รวมถึงกลุ่มเช่าซื้ออย่างบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้างอย่างบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ก็มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกัน
ในส่วนของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON ถูกประเมินว่า จะได้ประโยชน์จากความต่อเนื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณ
รวมทั้งกลุ่ม ICT อย่างบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือADVANC และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ซึ่งน่าจะได้รับผลเชิงบวกตามมา