ไอเดีย 10 ปี สู่การปั้น 'Fewer Better Things' ร้านบูติก มัลติแบรนด์ เจาะขาช้อป
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีใจอยากเป็นเจ้าของกิจการหรือ Entrepreneur มากขึ้น ไม่เพียงเพราะความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ แต่ยังสามารถวางหมากรบ เคลื่อนธุรกิจของคนเองให้เติบโตอย่างใจต้องการ
หนึ่งในการเป็นเจ้าของกิจการ ปลุกปั้นธุรกิจ บางคนเพื่อ “สานความฝันของตัวเอง” อย่าง สุทธสิทธิ์ ศรีวิสารวาจา ผู้ก่อตั้งร้าน Fewer Better Things ร้านจำหน่ายสินค้าแฟชันรูปแบบบูติก มัลติแบรนด์ ที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ เพื่อตอบโจทย์ขาช้อป สายแฟชันที่ชอบสินค้ามีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่แบรนด์หรูที่ต้องตะโกน
“สุทธสิทธิ์” เป็นเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่มีเส้นทางจากมนุษย์เงินเดือน ทำงานในสายเทคโนโลยี ด้านดีไซน์ผลิตภัณฑ์ และใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนตั้งแต่เด็ก หรืออายุ 13 ปี ก็บินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้ว กระทั่งกลับมาเมืองไทยได้ 1 ปี
เมื่อกลับมา “สุทธสิทธิ์” ได้แปร “ความฝัน” เมื่อ 10 ปีก่อน ให้กลายเป็นจริง ด้วยการเปิดร้าน Fewer Better Things ร้านบูติก มัลติแบรนด์ จำหน่ายสินค้าแฟชันหลากประเภท ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า หมวก แม้กระทั่งสินค้าชิ้นใหญ่อย่างของแต่งบ้าน เช่น เฟอรนิเจอร์ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่มองหาสินค้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ต้องการใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งในร้านมีสินค้าหลากหลายให้เลือกราว 26 แบรนด์ กว่า 400 รายการ ราคาตั้งแต่ 3,000-32,000 บาท
“ผมเกิดที่กรุงเทพฯ แต่ไปเรียนต่อที่แคนาดา และสหรัฐ มีประสบการณ์ทำงานสายเทคฯ เมื่อกลับมาไทยไม่เคยทำร้านแฟชัน แต่ส่วนตัวชอบเกี่ยวกับแฟชัน สินค้าไลฟ์สไตล์ มีดีไซน์ คิดนานแล้วอยากเปิดร้านที่ไทย นำเข้าแบรนด์ที่หายากมาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย” เขาเล่าและขยายความว่า
“คิดไว้นานแล้ว เป็นความฝัน 10 ปีที่แล้ว เมื่อทำงานเทคฯเยอะ อยากกลับมาทำงานที่ไทย อยากทำร้านนี้เพราะว่าในไทยไม่ค่อยมี และอยากชอปปิงด้วย”
สำหรับโมเดลร้านบูติก มัลติแบรนด์ในต่างประเทศมีพอสมควร อย่างสหรัฐที่ “สุทธสิทธิ์” เคยไปช้อปมี 2-3 ร้าน ส่วนการทำร้าน Fewer Better Things ในไทย ตนเองเป็นคนออกแบบร้านเพื่อให้ตรงกับความต้องการ และยังดูแลร้านเอง โดยมีพนักงานคอยช่วยเหลืออีกแรง ส่วนการเลือกแบรนด์ ควานหาแนวหรือไลฟ์สไตล์ของสินค้า ล้วนไปดูร้าน เลือกแบนด์เองทั้งหมด
เปิดร้านแล้ว เป้าหมายลูกค้า วางคาแร็กเตอร์ไว้ เช่น ผู้ชายวัย 30-40 ปี มีไสตล์ ชอบการแต่งตัว ของแต่งบ้าน ส่วนผู้หญิงก็มาช้อปมากไม่แพ้กัน ซึ่งภาพรวมต้องการให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งชาย-หญิงทั้งไทยและชาวต่างชาติมาซื้อสินค้า ขณะที่การทำตลาด มีการโปรโมท สร้างการรับรู้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าง Instagram
ใช้ Passion ด้านแฟชัน เคลื่อนธุรกิจ เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ร้าน จึงช่วยแนะนำสินค้า สไตล์การแต่งตัวตอบโจทย์เฉพาะคนหรือ Personalize ให้ด้วย ไม่ใช่แค่โฟกัส “การขายของ” แต่พร้อมช่วยแนะนำ แม้กระทั่งการชอปที่อื่นด้วย
“ร้านลงทุนไม่มาก เงินใช้มากสุดกับการซื้อสินค้าเข้ามา และทุกอย่างทำเอง ส่วนลูกค้าที่มาช้อป เราอยากให้ trust หรือเชื่อในรสนิยมของเรา”
นอกจากสินค้าแฟชัน ระยะยาว “สุทธสิทธิ์” ต้องการต่อยอดสู่การทำตลาดสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เพราะการแต่งบ้านเป็นอีกสิ่งที่ชื่นชอบ
“การทำธุรกิจอาจไม่มีไอดอล ไม่ค่อยคิดอยากเป็นเหมือนใคร การทำร้าน Fewer Better Things เป็นไอเดีย 10 ปีที่ไม่เคยเปลี่ยน เป็นไอเดียแรกที่คิด มีอย่างอื่นที่อยากทำบ้าง แต่ร้านบูติกมัลติแบรนด์เป็นสิ่งที่อยากทำมากสุด”