ITTHI คิดใหญ่โมเดลอีวี ประเดิมรับทรัพย์ปีหน้า
#ITTHI #ทันหุ้น – ITTHI รุกขยายฐานธุรกิจใหม่ จัดโมเดลลุยอีวีเต็มพิกัด ตั้ง 2 บริษัทย่อย นำรถขนส่งเครื่องยนต์สันดาปมาเปลี่ยนเป็นอีวี 100% เจาะกลุ่มหน่วยงานใหญ่ และกลุ่มบริการรถกระบะขนส่ง ตั้งเป้ารับทรัพย์ 1 พันล้านบาท พร้อมลุยติดตั้ง-ขยายจุดชาร์จรถอีวี หวังโกยกำไรปีหน้า 30 ล้านบาท
นายธนเสฏฐ์ อัครบุญญาพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITTHI ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์ประเภท IET เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง โดยจัดตั้งบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท อีโวนิค จำกัด ประกอบธุรกิจนำรถกระบะ รถบรรทุกขนาดเล็ก และรถขนส่งที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปมาเปลี่ยนเป็นระบบ EV 100% โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ 51% มีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ หน่วยงานขนาดใหญ่และกลุ่มบริการรถกระบะขนส่ง
โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยคาร์บอน คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 1/2569 และตั้งเป้าหมายทั้งปีจะมีรายได้ 1 พันล้านบาท และสามารถขายรถได้ 2 พันคัน ซึ่งประเมินว่าในประเทศไทยมีรถกลุ่มนี้อยู่ประมาณ 8 ล้านคัน
@ปั้นกำไรอีวีชาร์จ
ส่วนบริษัท กริดเด็กซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจติดตั้งและขยายจุดชาร์จรถ EV Station รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่าย EV Station ให้กับองค์กรเอกชน หรือผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการลงทุนใน EV Station โดยบริษัทถือหุ้น 50% ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงเริ่มต้นเฟส 1 โดยตั้งเป้าหมายจะติดตั้ง 10 สถานี ในปีนี้ และติดตั้ง 30 สถานี ภายในปีหน้า บนพื้นที่ปั๊มน้ำมัน ครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง มีเป้าหมายที่จะสร้างผลกำไรประมาณ 30 ล้านบาทในปีหน้า
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 ยังคงเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทที่วางแผนไว้ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2568 ที่จะเป็นช่วงไฮซีซันของบริษัทที่มียอดขายสูงสุด ซึ่งมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตแตะ 1 พันล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ (Backlog) จากกลุ่มโครงการภาครัฐ มีมูลค่ารวม 830 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอรับเงิน 91 ล้านบาท งานในอนาคต 739 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้างานโครงการ มูลค่ารวม 224 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 79 ล้านบาท กลุ่มผู้รับเหมาโครงการ 145 ล้านบาท
@การเมืองไม่กระทบ
อย่างไรก็ดีในช่วงที่รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับท้องถิ่น เช่น เสาไฟส่องสว่าง เพื่อช่วยสร้างความปลอดภัย ซึ่งขายให้หน่วยงานราชการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล