โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที

รู้จัก ‘The Attention Economy’ เพราะสิ่งที่เราสนใจ นักการตลาดเป็นคนเสิร์ฟ !

BT Beartai

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
รู้จัก ‘The Attention Economy’ เพราะสิ่งที่เราสนใจ นักการตลาดเป็นคนเสิร์ฟ !

โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยข่าวสารต่าง ๆ มากมาย สื่อที่เราเสพทุกวันไม่ว่าจะผ่านแพลตฟอร์มไหน ผ่านอุปกรณ์อะไรก็ล้วนแต่เป็นข่าวสารทั้งสิ้น โดยข่าวสารพวกนี้ก็มาจาก ‘ความสนใจ’ ที่เราเลือกซึมซับเข้าไปเป็นชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นจะเป็นคลิปตลกใน TikTok ข่าวด่วนมาแรงใน X บทความวิเคราะห์การตลาดจาก Facebook

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาวะข้อมูลล้น (Information overload) ทำให้ความสนใจจากผู้เสพสื่อไม่นิ่ง และการจะได้ความสนใจจากใครก็เป็นเรื่องยากมากขึ้น สิ่งนี้ก่อให้เกิด ‘The Attention Economy’ เศรษฐกิจความสนใจ แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่มองว่าความสนใจของมนุษย์เป็นทรัพยากรที่หายากและมีคุณค่า แน่นอนว่าปลายทางของมักนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ หรือการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือแบรนด์นั้น ๆ

Attention หรือ ความสนใจ สำคัญอย่างไรในโลกการตลาด ?

ถ้าเราสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้สำเร็จ เราก็สามารถส่งต่อความสนใจนั้นไปยังสิ่งอื่นได้เช่นกัน ลองนึกถึงเวลาที่นักแสดงบนเวทีชี้ไปที่ใครสักคนในกลุ่มผู้ชม ความสนใจของคนส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนจากนักแสดงไปหาคนคนนั้นในทันที นี่คือหลักการพื้นฐานที่ใช้ในการสร้างรายได้จากความสนใจ

ดังนั้น ความสนใจคือหัวใจสำคัญของการโฆษณาและการตลาด ลองนึกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างพวก Product Placement ในภาพยนตร์ เมื่อมีโลโก้ของบริษัทปรากฏอยู่บนเสื้อของนักกีฬา หรือเมื่อดาราคนดังถูกจ้างให้ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งออกสื่อ นั่นหมายถึงแบรนด์นั้น ๆ ได้จ่ายเงินเพื่อซื้อความสนใจจากผู้ชมแล้ว

การตลาดมีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับการดึงดูดความสนใจ เพราะเป้าหมายหลักของการตลาดคือการจูงใจให้ผู้คนทำบางอย่าง แต่การจูงใจจะไม่เกิดขึ้นเลยหากไม่มีใครรับฟัง อ่าน หรือรับชม

ความสนใจจึงเปรียบเสมือนประตูสู่จิตใจของผู้คน เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จในการสื่อสารทุกรูปแบบ ตั้งแต่การสอน การนำเสนอความรู้ ไปจนถึงการจูงใจ การโน้มน้าว และการหลอกล่อ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ความสนใจมีค่าอย่างมหาศาลสำหรับทุกคนที่มีสิ่งที่ต้องการจะขาย เพราะความสนใจคือปัจจัยหลักในทุกรูปแบบของการตลาด การสร้างแบรนด์ และการโฆษณา

แนวคิด The Attention Economy

จากการศึกษาล่าสุดด้านความรู้ความเข้าใจได้ยืนยันแล้วว่า การจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในแต่ละครั้งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับ ประมวลผล และดำเนินการกับข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และแนวคิดตรงนี้ก็นำไปสู่บริบทเชิงเศรษฐกิจ

The Attention Economy มองว่า ความสนใจ (Attention) เป็นทรัพยากรที่หายากและมีค่า โดยนักการตลาดจะใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อ ดึงดูดความสนใจ ของลูกค้าให้ได้นานที่สุด เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการ และโน้มน้าวให้ลูกค้าเกิดความต้องการซื้อ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่นำไปสู่การใช้ ‘กำลังซื้อ’ (Purchasing Power) ที่มีอยู่จริง ๆ

ลองนึกดูว่าในแต่ละวัน คุณมีสมาธิและเวลาจำกัดแค่ไหนที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งต่าง ๆ เมื่อคุณเลือกที่จะดูวิดีโอหนึ่งคลิป นั่นหมายความว่าคุณกำลังสละโอกาสในการทำสิ่งอื่นไปโดยปริยาย ดังนั้น แนวคิดหลักของ The Attention Economy คือ

  • ความสนใจคือสินค้าหายาก : ยิ่งมีข้อมูลเยอะเท่าไหร่ ความสนใจของเราก็ยิ่งมีค่าและหายากมากขึ้นเท่านั้น ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อช่วงชิงทรัพยากรล้ำค่านี้ไปจากคุณ
  • การแข่งขันที่ไม่มีวันสิ้นสุด : ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้ ตั้งแต่แอปพลิเคชัน โฆษณา ไปจนถึงข่าวสารบนเว็บไซต์ ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดสายตาของคุณให้ได้นานที่สุดและบ่อยที่สุด เพื่อไม่ให้คุณหันไปสนใจคู่แข่ง
  • เปลี่ยนความสนใจให้เป็นเงิน : ธุรกิจต่าง ๆ รู้ดีว่าความสนใจของคุณมีมูลค่ามหาศาล พวกเขาจึงหาวิธีเปลี่ยนมันให้เป็นรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายโฆษณาตามยอดวิว การเก็บข้อมูลพฤติกรรมของคุณเพื่อนำไปขายต่อ หรือการสร้างแพลตฟอร์มที่ทำให้คุณอยากอยู่กับมันนาน ๆ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่พวกเขาต้องการขาย

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่การตลาดในปัจจุบันใช้กลยุทธ์นี้ อย่างอัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียที่มักจะจับว่าเราชอบเสพคอนเทนต์แบบไหนมากที่สุด และจะพยายามเด้งโฆษณาสินค้าหรือบริการนั้น ๆ มาให้ ซึ่งกลยุทธ์แบบนี้ไม่ได้มีแค่อัลกอริทึม แต่มีหลายรูปแบบที่เราอาจจะไม่ทันสังเกต และต้องเคยได้เห็นขึ้นฟีดบ่อยแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น

1. Content Marketing

นักการตลาดสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่การขายตรง ๆ เช่น บทความให้ความรู้, วิดีโอสอนทำ หรือพอดแคสต์ที่ให้ข้อคิด เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้เวลาอยู่กับแบรนด์นานขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้แบรนด์เป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

2. Influencer Marketing

เป็นการใช้ บุคคลที่มีอิทธิพล (Influencer) ที่มีฐานผู้ติดตามให้มาช่วยสื่อสารแทนแบรนด์ นักการตลาดจะเลือก Influencer ที่มีภาพลักษณ์ตรงกับสินค้า และเปิดโอกาสให้พวกเขาสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น การรีวิวสินค้าในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างน่าเชื่อถือ

3. Personalization

เป็นการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคน นักการตลาดจะวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าจากประวัติการเข้าชมหรือการซื้อ เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจพวกเขา และมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากขึ้น

4. User-Generated Content (UGC) (เนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้)

เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์เอง นักการตลาดจะจัดแคมเปญให้ลูกค้าโพสต์รูปภาพหรือรีวิวสินค้าพร้อมติดแฮชแท็ก ทำให้เกิดการบอกต่อและสร้างความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้จริง ซึ่งมีพลังมากกว่าโฆษณาแบบเดิม ๆ

ในฐานะผู้บริโภค เราได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ?

เอาเข้าจริง ๆ ในฐานะผู้บริโภคเราได้ทั้งผลกระทบทางบวกและทางลบจากกลยุทธ์แบบนี้ สรุปคร่าว ๆ ออกมาได้ดังต่อไปนี้

ผลกระทบเชิงลบ

  • สมาธิสั้นลง : แพลตฟอร์มต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ดึงดูดความสนใจของเราตลอดเวลา ทำให้สมองเคยชินกับการรับข้อมูลที่รวดเร็ว จนทำให้การจดจ่อกับงานที่ต้องใช้สมาธินาน ๆ เป็นเรื่องยากขึ้น
  • ถูกควบคุมและชักจูง : อัลกอริทึมจะป้อนคอนเทนต์ที่ทำให้เราเสพติดหรือจูงใจให้ซื้อสินค้าโดยไม่รู้ตัว
  • ข้อมูลเยอะเกิน : เราต้องเผชิญกับโฆษณาและสิ่งรบกวนจำนวนมหาศาล ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าจากการต้องคอยคัดกรองข้อมูล
  • ความเป็นส่วนตัวลดลง : เราต้องแลกข้อมูลส่วนตัวกับบริการฟรี ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นจะถูกเก็บเพื่อนำไปใช้เพื่อสร้างโฆษณาที่เจาะจงมากขึ้น

ผลกระทบเชิงบวก

  • เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย : การแข่งขันเพื่อดึงดูดความสนใจทำให้เราได้รับคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูงและหลากหลาย ทั้งความรู้และความบันเทิงได้ฟรี
  • มีตัวเลือกมากขึ้น : แบรนด์ต่าง ๆ ต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้โดดเด่นและน่าสนใจ ทำให้เรามีตัวเลือกที่ดีกว่าเดิม
  • โอกาสสร้างรายได้ : ผู้บริโภคที่มีความสามารถในการสร้างคอนเทนต์หรือมีผู้ติดตาม ก็สามารถสร้างรายได้จากการเป็น Influencer ได้

ท้ายที่สุดแล้ว The Attention Economy ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเราทุกคน การทำความเข้าใจแนวคิดนี้จะช่วยให้เรามีสติและรู้เท่าทันการบริโภคสื่อมากขึ้น เพื่อให้เราสามารถควบคุม ‘ความสนใจ’ ของตัวเองได้อย่างแท้จริง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BT Beartai

Apple อาจเปิดตัว MacBook ราคาประหยัด ในเร็ว ๆ นี้: เริ่มต้นประมาณ 19,400 บาท

41 นาทีที่แล้ว

Lava เปิดตัว Blaze AMOLED 2: บอดีบาง 7.5 มม., กล้อง Sony 50 ล้านพิกเซล, ราคาเพียง 5,000 บาท

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘อนุญาโตตุลาการ’ ทางเลือกในโลกธุรกิจ ยุติข้อพิพาทอย่างมืออาชีพ ไม่ต้องถึงศาล

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

AI รุกหนัก แดนภารตะสะเทือน วงการไอทีอินเดียกำลังเผชิญกับการเลิกจ้าง กว่า 12,000 ตำแหน่ง

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอทีอื่น ๆ

Apple อาจเปิดตัว MacBook ราคาประหยัด ในเร็ว ๆ นี้: เริ่มต้นประมาณ 19,400 บาท

BT Beartai

Lava เปิดตัว Blaze AMOLED 2: บอดีบาง 7.5 มม., กล้อง Sony 50 ล้านพิกเซล, ราคาเพียง 5,000 บาท

BT Beartai

WAIC 2025 คึกคัก แอปพลิเคชัน AI ก้าวล้ำบนสมาร์ทโฟน ไม่ต้องพึ่งหุ่นยนต์ (คลิป)

เดลินิวส์

ชมแสตมป์หายากในงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568

เดลินิวส์

เปิดเงื่อนไข ‘หวยเกษียณ’ ไม่ต้องเสียเงินทิ้งเพื่อเสี่ยงโชค มิติใหม่ของการออมเงิน

BT Beartai

ปิดตำนาน 34 ปี Dial-Up เน็ตโทรศัพท์เมื่อ AOL จะปิดให้บริการนี้สิ้น ก.ย. นี้

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...