บอร์ด สปสช. ไฟเขียว บัตรทอง 30 บาท บริการสุขภาพจิตครบวงจร
บอร์ด สปสช. อนุมัติ "บริการสุขภาพจิตครบวงจร" บัตรทอง 30 บาท จัดสรรงบ 73.34 ล้านบาท เดินหน้าศูนย์ให้การปรึกษาสุขภาพจิต ตั้งเป้าบริการ 4.7 แสนครั้ง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. ครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบ ข้อเสนอบริการสุขภาพจิตครบวงจร ภายใต้แนวคิด อุปสงค์และอุปทาน (Demand & Supply) ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท)
ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการด้านสุขภาพจิตแก่ประชาชน พร้อมอนุมัติจะจัดสรรงบประมาณจำนวน 73.34 ล้านบาท สำหรับรองรับการดำเนินงานของ ศูนย์ให้การปรึกษาสุขภาพจิต ทั้งในและนอกระบบในปีงบประมาณ 2568
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบหลักการให้ องค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชน ที่ดูแลผู้ป่วยจิตเวชสามารถขึ้นทะเบียนเป็น หน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้านขององค์กรภาคประชาชน ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เพื่อขยายการให้บริการสุขภาพจิตให้ครอบคลุมและเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
พร้อมกันนี้ มอบหมายให้ สปสช. ประสานงานกับกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนและจัดอบรมองค์กรเหล่านี้ให้มีความพร้อมการให้บริการ และสามารถขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการตามมาตรา 3 ได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันมีผู้ป่วยจิตเวชที่เข้ารับการรักษาในระบบบริการมากกว่า 2.7 ล้านคน คาดว่ายังมีประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพจิตอีกราว 10 ล้านคน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตได้ เนื่องจากระบบบริการและบุคลากรทางการแพทย์ด้านสุขภาพจิตไม่เพียงพอ
ดังนั้น เพื่อร่วมแก้ปัญหานี้ ทางบอร์ด สปสช. จึงมีมติให้ สปสช. ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและนอกระบบสาธารณสุข โดยเน้นการเพิ่มบทบาทของ ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ที่จะยกระดับเป็น หน่วยบริการตามมาตรา 3 โดยเป็นศูนย์ให้การปรึกษาสุขภาพจิต เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการให้คำปรึกษาเบื้องต้น รวมถึงช่วยคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง
สำหรับบริการสุขภาพจิตครบวงจรนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือคนไทยกลุ่มเสี่ยงทุกคน เช่น ผู้ที่มีความเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า รวมถึงผู้ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตอื่นๆ ให้สามารถเข้าถึงการเยียวยาจิตใจในเบื้องต้นได้ง่ายขึ้น ผ่านศูนย์ให้การปรึกษาสุขภาพจิต
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายให้บริการในปี 2568 ไว้ที่ประมาณ 4.7 แสนครั้ง ครอบคลุมการให้บริการในระบบสุขภาพทั้งจากหน่วยงานรัฐที่มีสหสาขาวิชาชีพ และนอกระบบสุขภาพซึ่งครอบคลุมบริการให้คำปรึกษาครั้งละ 30-45 นาที และการติดตามผลไม่เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยกำหนดการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการให้การปรึกษาที่อัตรา 153 บาทต่อครั้ง หรืออาจมีการจ่ายในรูปแบบอื่น ๆ เช่น จ่ายตามโครงการสำหรับหน่วยบริการมาตรา 3 หรือตามผลลัพธ์การบริการ (Value base Payment) โดยจะมีการจัดทำประกาศหลักเกณฑ์ออกมารองรับ
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า หลังจากบอร์ด สปสช. มีมติเห็นชอบแล้ว สำนักงานฯ จะเร่งดำเนินการประสานกับกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูลการเบิกจ่ายและข้อมูลบริการที่กำหนดร่วมกัน และร่วมขับเคลื่อนบริการสุขภาพจิตครบวงจรกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ สปสช. ยังจะสนับสนุนและอบรมองค์กรภาคประชาชนให้มีความพร้อมในการขึ้นทะเบียนเป็น หน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้าน ในการให้บริการด้านสุขภาพจิต
สำหรับองค์กรภาคประชาชนหรือภาคเอกชนที่ต้องการเข้าร่วมต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ ต้องให้บริการด้านการดูแลผู้พิการ ผู้ป่วยจิตเวช หรือผู้ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และต้องผ่านการประเมินรับรองจากหน่วยงานที่ สปสช. กำหนด รวมถึงต้องไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดปัจจัยเสี่ยงแห่งอนาคต 'สุขภาพจิตคนไทยในระยะ 10 ปี'
- 'กรมสุขภาพจิต' กางแผนลดเครียด-ซึมเศร้า 'ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำ'
- แนะ 8 วิธีดูแลสภาวะเครียดในผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตที่ดี
ติดตามเราได้ที่