โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

เปิดแฟ้มครม. 3 หน่วยงาน คอมเม้นต์ กนอ. ขอปรับอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุด

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ล่าสุดวันนี้ (19ส.ค.68) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของพนักงาน

จากเดิมขั้นที่ 46.5 อัตรา 113,520 บาท เป็นขั้นที่ 52 อัตรา 138,270 บาท ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ดังนี้

  • ระดับ 12 จาก 113,520 บาท เป็น 138,270 บาท
  • ระดับ 11 จาก 108,810 บาท เป็น 133,770 บาท
  • ระดับ 10 จาก 104,310 บาท เป็น 129,270 บาท
  • ระดับ 9 จาก 95,810 บาท เป็น 124,770 บาท

ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

สาระสำคัญของเรื่อง

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของพนักงาน กนอ. จากเดิมขั้นที่ 46.5 อัตรา 113,520 บาท เป็นขั้นที่ 52 อัตรา 138,270 บาท เพื่อให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับการขยายตัวขององค์กรและภารกิจที่เพิ่มขึ้น

เช่น การเพิ่มจำนวนนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษตามแนวชายแดน การพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรม รวมทั้งเหมาะสมสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

นับแต่การปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนสูงสุดของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2550 ตลอดจนอัตราค่าจ้างของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจชั้นนำในกลุ่มเดียวกัน และตลาดแรงงาน ภาคเอกชน เช่น เงินเดือนของผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งควรสอดคล้องกับเงินเดือนของผู้จัดการโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม

โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้จ้างคณะที่ปรึกษา (สถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ) เพื่อวิเคราะห์ความเหมาะสมของอัตราเงินเดือนของพนักงานทุกระดับ (ระดับ 3-12) แล้วนำเสนอข้อมูลประกอบการพิจารณา ซึ่งมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์เพื่อใช้ในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจและสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 ต่อคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์

เพื่อขอความเห็นชอบขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงเฉพาะอัตราเงินเดือนขั้นสูงของพนักงานระดับ 9-12 ตามบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ระบบ 53 ขั้น ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 แต่เป็นการขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงขึ้นไปสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน จึงต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และคณะรัฐมนตรีเป็นรายกรณีไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว

โดยคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 ได้มีมติเห็นชอบการปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดเป็นขั้นที่ 52 อัตรา 138,270 บาท และสำนักงาน ก.พ. ได้พิจารณาให้ความเห็นในภาพรวมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 และเห็นด้วยในหลักการตามมติคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ด้วยแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวนี้ ตามที่คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์มีมติเห็นชอบ

เปิดความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยเรื่องนี้ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในฐานะประธานกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พิจารณาแล้วเห็นชอบ เห็นด้วยในหลักการไม่ขัดข้อง

โดยมีความเห็นเพิ่มเติมต่าง ๆ เช่น กระทรวงการคลังเห็นว่าเรื่องที่ กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอมานี้ เป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ดังนั้น ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ

โดยข้อเสนอในครั้งนี้จะทำให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรต่อปีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งไม่กระทบต่อผลประกอบการในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ และ กนอ. ได้มีการเตรียมแนวทางในการเพิ่มรายได้จากการดำเนินโครงการ รวมทั้งมีแนวทางในการประหยัดค่าใช้จ่ายไว้แล้ว อย่างไรก็ดี กนอ. ควรมีการกำกับติดตามการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวด้วย

ด้าน "สำนักงบประมาณ" แจ้งว่าหน่วยงานจะขอใช้งบประมาณจากเงินรายได้ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินและการนำส่งรายได้ให้แผ่นดิน และมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ขอให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คำนึงถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยง เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน

ส่วนสำนักงาน ก.พ.ร. มีความเห็นเพิ่มเติมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมควรกำกับให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยดำเนินการตามแผนการจัดหารายได้เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้นอย่างเคร่งครัด และกำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนดังกล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ครม.ไฟเขียว นำเข้าแรงงาน"ศรีลังกา" ทดแทนคนงาน"กัมพูชา"

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองทัพภาค 1 แจงปมปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยของไทยในพื้นที่บ้านหนองจาน

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 19ส.ค.ที่ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ครม.ไฟเขียววาระลับ! จัดซื้ออาวุธเสริมเขี้ยวเล็บ 'กริพเพน'

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

สงขลา โผล่อีกโกศใส่กระดูกในป่าช้าถูกโจรขโมย

77kaoded
วิดีโอ

ยิ่งกว่าแม่น! ย้อนคำทำนาย "หมอดูชื่อดัง" เปิดไพ่ทำนายดวง "ลุงพล" เมื่อปี 64 หงายใบแรกขนลุก!

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ตรวจเข้มชายแดน!!จับ 2 คนไทยและ 4 แรงงานกัมพูชาตลาดโรงเกลือ มุดรั้วลักลอบข้ามแดน

77kaoded

ถอยออกไป! ทำความรู้จัก "ผู้กองอะตอม" ทหารหญิงไทย ไล่ทหารเขมรที่ช่องอานม้า

THE ROOM 44 CHANNEL
วิดีโอ

หลักฐานชัด! เจอมือถือปริศนาแถวภูมะเขือ พบหลักฐาน ทหารเขมรลักลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2

THE ROOM 44 CHANNEL

“ภูมิธรรม” หารือทางโทรศัพท์กับประธานอาเซียน และนายกฯ มาเลเซีย ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา

สวพ.FM91

หลักฐานชัด! เจอมือถือปริศนา หลักฐานทหารเขมรลักลอบวางทุ่นระเบิด

THE ROOM 44 CHANNEL

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เสด็จไปทรงเปิดงานสัปดาห์หนังสือพระราชนิพนธ์ ในสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า

TOP NEWS ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...