6 เกจิดังถกคุย 450 พระวัดป่าวาระพิเศษ เคร่งพระธรรมวินัยแก้สงฆ์เสื่อม
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2568 ที่ศาลา 100 ปี พระอุดมญาณโมลี วัดโพธิสมภรณ์ (อารามหลวง) อ.เมือง จ.อุดรธานี จัดให้มีการประชุมพระสงฆ์จังหวัดอุดรธานี (ธ) วาระพิเศษ เรื่อง อาจาระและข้อวัตรปฏิบัติ ของพระภิกษุสามเณร ตามมติมหาเถรสมาคม มีพระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินถวาย วัดป่านาคำน้อย) พรรษาสูงสุดเป็นประธานเปิดประชุม และพระราชวชิรธรรมากร วัดป่าบ้านเพิ่ม , พระราชวชิรธรรมาจารย์ (พระอาจารย์สุธรรม วัดป่าบ้านตาด) , พระราชวชิรญาณโกศล (อาจาร์ยบุญมี วัดถ้ำเต่า) พระราชสารโกศล (อาจารย์วงษ์ไทย วัดโพธิสมภรณ์) เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) , พระครูเมตตากิตติคุณ วัดสันติกาวาส พระสงฆ์ระดับผู้นำพระวัดป่า มาร่วมให้แนวคิด และข้อวัตรปฏิบัติ ให้กับพระสงฆ์ระดับเจ้าคณะอำเภอ 20 อำเภอใน จ.อุดรธานี , เจ้าคณะตำบล , เจ้าอาวาส , รองเจ้าอาวาส , ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในพื้นที่ จ.อุดรธานี กว่า 450 รูป
พระราชสารโกศล (อาจารย์วงษ์ไทย วัดโพธิสมภรณ์) เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ได้แจ้งที่ประชุมได้แจกจ่ายเอกสาร มติของมหาเถรสมาคม , แนวทางการปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม และคติธรรมของสมเด็จพระสังฆราช ก่อนปรารภเหตุการณ์ประชุมพระสังฆาธิการพิเศษว่า มาประชุมวันนี้ก็เกิดขึ้นจากสงฆ์ที่เป็นข่าว ที่ได้หารือกับพระผู้ใหญ่ในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าในฐานะเจ้าคณะจังหวัดจะประชุมคณะสงฆ์อุดรธานี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระฝ่ายอรัญวาสี โดยใช้คำว่า “เมื่อฝ่ายธรรมวาสีเพี้ยงพร้ำ ทำอย่างไรพระฝ่ายอรัญวาสี รู้หรือไม่รู้ว่าภัยมาถึงตัวแล้ว เรายังอยู่แบบไม่รู้สึกรู้หนาว อยู่ดีกินแซบ ก็จะทำให้เราเพี้ยงพร้ำได้ ข่าวที่ออกมาทำให้พระสงฆ์ถูกด้อยค่า อำนาจรัฐก็มาตรวจสอบ วัดครูบาอาจารย์ก็ตรวจสอบ ศรัทธาญาติโยมที่เห็นไม่สบายใจ มหาเถรสมาคมมีมติให้รัฐ “ชะลอ” การตรวจสอบบัญชีวัดลักษณะนี้ จนกว่าจะมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน
พระราชสารโกศล กล่าวว่าเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้น เพียงเห็นในข่าวของส่วนกลาง แต่ได้เกิดขึ้นในบ้านเรา แล้วเปิดคลิปข่าวของสถานีโทรทัศน์หลายช่อง รายงานข่าวที่เกิดขึ้นในจังหวัดข้างเคียง 1.ตำรวจทางหลวงตรวจพบรองเจ้าอาวาสในชุดฆราวาส อยู่กับผู้หญิงในรถตามลำพัง ต้องใช้เวลาในการแต่งตัวก่อนออกมาพบตำรวจ , 2.ตำรวจตรวจพบพระสงฆ์ยังสวมจีวร ขับรถมาจอดริมถนน ภายในอยู่กับผู้หญิงเพียงลำพัง , 3.ที่อุดรธานีเองพบพระสงฆ์แต่งตัวฆราวาส ขับรถมาเที่ยวสถานบันเทิงในอุดรธานี แล้วเมาเกิดอุบัติเหตุชนหน้าสถานบันเทิง และยังมีการการทำงานของพระผู้ปกครอง และหน่วยงานรัฐ ตรวจพบพระสงฆ์ สามเณร มั่วสุมเสพยาสเสพติด ภัยมันใกล้ตัวมาแล้วพระผู้ปกครองต้องสอดส่อง เจ้าอาวาส-รอง-ผู้ช่วง ต้องดุแลพระในปกครองมากขึ้น รวมทั้งการจับกุมพระสงฆ์ ที่หนีคดีมาบวชเป็นพระ ภาพที่ออกมาก็กระทบด้วย ต่อไปต้องเข้มงวดตรวจประวัติก่อนบวช หากไม่ตรวจสอบจะต้องรับผิดชอบ
จากนั้นพระราชภาวนาวชิรากร ได้เทศนาให้แนวคิด และข้อวัตรปฏิบัติ ว่า ได้ติดตามพ่อแม่ครูอาจารย์หลายท่าน ทุกท่านได้ให้หลักธรรมหลักปฏิบัติไว้มาก ก็ยึดมันในคำสอนเหล่านั้น วันนี้มันมีเรื่องโด่งดังในพระสงฆ์ คือเรื่อง “สตรี-สตางค์” วันนี้ก็มาได้ยินท่านเจ้าคุณพูดมี “ช.ชาย” อีกด้วย เป็นคอเดียวกันอยู่ด้วยกัน ความจริงแล้วเราต้องมี “สติ” มาก่อน เราคงเคยได้ยินคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระอานนท์ฯกราบทูลถามก่อนวันนิพพานว่า “จะปฏิบัติต่อสตรีอย่างไรถึงจะเหมาะสม” พระพุทธเจ้าที่ป่วยมากตอบว่า “อย่าดูอย่าแล อย่างพูดด้วย” พระอานนท์ถามต่อ “ถ้ามีความจำเป็น” พระองค์ตอบว่า “ให้มีสติสัมปชัญญะ” อันนี้หละพวกเรายังขาดสติ ต้องดำเนินชีวิตไม่ให้เกิดความเสียหาย
“พอมาเรื่องสตางค์ ตอนตามหลวงปู่หล้า ตอนนั้นก็ไม่มีกะเรกะราดอะไรมาก เมื่อมีพระเข้ามาในวัดท่านก็ถามว่า มีสตางค์มาบ้างไหม พระก็ตอบว่ามี ท่านก็บอกว่ามันเป็นอาบัติ ให้เอาไปโยนทิ้ง ก็ให้มัดกันก้อนหินโยนลงไปในเหว มีเงินมันก็อาบัติ ไม่บริสุทธิ์ ทำให้ยึดถือเรื่องยนี้มาตลอด ถ้ามีจัตตุปัจจัยมาก็จะมีไวยาวัจกรดูแลรับผิดชอบ ก็ไม่ใช่ของเรา แต่ก็อยู่ในสายตาของเรา จะเอามาใช่ก็ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะชน ช่วยโรงเรียน โรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ รถราสถานพยาบาล จึงอยากจะขอให้ท่านทั้งหลาย ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ”
ขณะที่พระราชวชิรธรรมากร วัดป่าบ้านเพิ่ม ,พระราชวชิรธรรมาจารย์ (พระอาจารย์สุธรรม วัดป่าบ้านตาด) ,พระราชวชิรญาณโกศล (อาจาร์ยบุญมี วัดถ้ำเต่า) พระราชสารโกศล (พระอาจารย์วงษ์ไทย วัดโพธิสมภรณ์) เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) ,พระครูเมตตากิตติคุณ วัดสันติกาวาส ก็ได้ร่วมเทศนาให้แนวคิด และข้อวัตรปฏิบัติ ในแนวทางใกล้เคียงกัน โดยให้ถือปฏิบัติตาม “พระธรรมวินัย” รวมทั้งกฎระเบียบที่มีอยู่อย่างเคร่งครัด รวมทั้งการให้ความเคารพต่อพระผู้ใหญ่ หรือพระที่มีพรรษามากๆ ไม่ใช่คิดเพียงว่าถือศีล 227 ข้อเท่ากัน ก็เท่าเทียมกันแล้ว