‘ทรัมป์’ ประกาศข้อตกลงสันติภาพอาเซอร์ไบจาน-อาร์เมเนีย
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 9 สิงหาคม 2568 เวลา 17.09 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทวอชิงตัน 9 ส.ค. – อาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนีย ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่สหรัฐเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในระหว่างการประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐที่ทำเนียบขาว ซึ่งข้อตกลงนี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคีหลังจากความขัดแย้งที่ยาวนานหลายทศวรรษ
ข้อตกลงสันติภาพระหว่างสองคู่ปรปักษ์ในภูมิภาคคอเคซัสใต้ครั้งนี้ ซึ่งหากสามารถคงอยู่ได้ระยะยาว จะถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของรัฐบาลทรัมป์ และอาจสร้างความไม่พอใจให้แก่รัสเซีย ซึ่งมองว่าภูมิภาคนี้อยู่ในขอบเขตอิทธิพลของตน
นายทรัมป์กล่าวในพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพที่ทำเนียบขาวว่า เป็นเวลานานถึง 35 ปี ที่ทั้งสองประเทศนี้สู้รบกัน และตอนนี้พวกได้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว และจะเป็นเพื่อนกันไปอีกนาน ในพิธีนี้มีประธานาธิบดีอิลฮัม อะลีเยฟ ของอาเซอร์ไบจาน และนายกรัฐมนตรีนิโคล พาชินยัน ของอาร์เมเนีย นั่งขนาบข้างผู้นำสหรัฐ
นายทรัมป์กล่าวว่าทั้งสองประเทศได้ให้คำมั่นว่าจะหยุดการสู้รบ เปิดความสัมพันธ์ทางการทูต และเคารพต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของกันและกัน ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงสิทธิ์ในการพัฒนาเฉพาะสำหรับสหรัฐในการใช้เส้นทางคมนาคมเชิงยุทธศาสตร์ผ่านภูมิภาคคอเคซัสใต้ ซึ่งทำเนียบขาวระบุว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกพลังงานและทรัพยากรอื่นๆ ได้มากขึ้น
นายทรัมป์กล่าวด้วยว่าสหรัฐได้ลงนามในข้อตกลงแยกกับแต่ละประเทศเพื่อขยายความร่วมมือด้านพลังงาน การค้า และเทคโนโลยี รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ ในขณะเดียวกัน ข้อจำกัดเกี่ยวกับความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างอาเซอร์ไบจานและสหรัฐก็ถูกยกเลิกด้วย
อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานมีความขัดแย้งกันมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980 เมื่อนาโกโน-คาราบัค ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เป็นภูเขาของอาเซอร์ไบจานที่มีชาวอาร์เมเนียอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ได้แยกตัวออกจากอาเซอร์ไบจานด้วยการสนับสนุนจากอาร์เมเนีย ต่อมาในปี 2023 อาเซอร์ไบจานได้กลับเข้าควบคุมภูมิภาคนี้ได้อีกครั้งอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ชาวอาร์เมเนียเกือบทั้งหมด 100,000 คนในดินแดนแห่งนี้ต้องหนีไปยังอาร์เมเนีย
ผู้นำทั้งสองต่างชื่นชมทรัมป์ที่ช่วยยุติความขัดแย้ง และกล่าวว่าจะเสนอชื่อเขาเข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นายทรัมป์ได้พยายามนำเสนอตัวเองในฐานะผู้สร้างสันติภาพระดับโลกในช่วงหลายเดือนแรกของการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของเขา ทำเนียบขาวให้เครดิตเขาในการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย และข้อตกลงสันติภาพระหว่างรวันดาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก รวมถึงปากีสถานและอินเดีย อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หรือความขัดแย้งของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้.-813.-สำนักข่าวไทย