NGO ชี้ กลไกแจกจ่ายอาหารในกาซา หนุนโดย ‘สหรัฐฯ-อิสราเอล’ ใช้ความอดอยากเป็นอาวุธ
× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป
เยรูซาเล็ม, 15 ส.ค. (ซินหัว) — แถลงการณ์ร่วมจากองค์การนอกภาครัฐ (NGO) จำนวน 180 แห่ง ระบุว่ามูลนิธิเพื่อมนุษยธรรมแห่งกาซา (GHF) ซึ่งทำหน้าที่เป็นกลไกแจกจ่ายอาหารที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอิสราเอลนั้นเป็น “เครื่องมือควบคุมอันตรายร้ายแรง” และใช้ความอดอยากในกาซามาเป็นอาวุธ
มูลนิธิฯ เป็นกลไกการแจกจ่ายที่มีลักษณะทางทหาร ทว่าถูกทำให้ดูเหมือนเป็นทางออกด้านมนุษยธรรม ปัจจุบันบริหารจัดการการแจกจ่ายความช่วยเหลือในกาซา โดยจุดแจกจ่ายความช่วยเหลือทั้งหมดของมูลนิธิฯ ตั้งอยู่ภายในเขตหวงห้ามของกองทัพอิสราเอล และมีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารบริเวณใกล้เคียงกับจุดปฏิบัติการของมูลนิธิฯ แล้วอย่างน้อย 859 รายนับตั้งเริ่มดำเนินงานช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
แถลงการณ์เผยว่ามูลนิธิฯ ใช้ความอดอยากและความทุกข์ทรมานเป็นอาวุธ โดยมุ่งปิดกั้นความช่วยเหลือที่เป็นกลาง กีดกันการมีส่วนร่วมของฝ่ายปาเลสไตน์ และเข้ามาแทนที่องค์กรด้านมนุษยธรรมที่เชื่อถือได้ด้วยกลไกที่ทำหน้าที่เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองและการทหาร อันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์วงกว้างเพื่อควบคุมและลบล้างการมีอยู่ของชาวปาเลสไตน์
รายงานชี้ว่าตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. เป็นต้นมา องค์การนอกภาครัฐระหว่างประเทศรายใหญ่ส่วนใหญ่ไม่สามารถส่งรถบรรทุกที่ขนส่งสิ่งของช่วยชีวิตเข้าไปได้แม้แต่คันเดียว เนื่องจากอิสราเอลจำกัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซา และเฉพาะเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว มีคำร้องขอจากองค์การนอกภาครัฐมากกว่า 60 แห่งถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าองค์การทั้งหมด “ไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งมอบความช่วยเหลือ”
ด้านกองทัพอิสราเอลกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) ว่าจอร์แดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และฝรั่งเศส ได้ส่งมอบความช่วยเหลือทางอากาศจำนวน 119 ชุดเข้าไปในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องตามคำสั่งฝ่ายการเมืองของอิสราเอล
เมื่อวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) หน่วยงานสาธารณสุขในฉนวนกาซารายงานว่าผู้เสียชีวิตจากภาวะอดอาหารและทุพโภชนาการเพิ่มขึ้นอีก 4 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากความหิวโหยเพิ่มขึ้นเป็น 239 ราย ในจำนวนนั้นเป็นเด็ก 106 ราย
ส่วนจำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลนับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 61,776 ราย และบาดเจ็บ 154,906 ราย