‘มาริษ’ คุยกาชาดสากล ยื่นหลักฐาน ‘กัมพูชา’ ใช้โล่มนุษย์-ทุ่นระเบิด ละเมิดสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นสวิตเซอร์แลนด์ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เข้าพบนางมีรยานา สปอลยาริส เอ็กเกอร์ (Mirjana Spoljaric Egger) ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี)
ทั้งนี้ นายมาริษ กล่าวภายหลังการหารือ ว่า ตนนำหลักฐานที่ไทยยื่นประท้วงกัมพูชาต่อรัฐภาคีในอนุสัญญาออตตาวา กรณีที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อีกทั้ง ตนได้อธิบายถึงสิ่งที่ไทยประสบปัญหากับกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร และการที่กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์กดดันประเทศไทย ซึ่งทุกอย่างเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงตนได้ย้ำต่อประธานไอซีอาร์ซี ว่าไทยดำเนินมาตรการทุกอย่าง ทั้งมาตรการทางต่างประเทศและมาตรการทางทหาร สอดคล้องกับกฏบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศทุกประการ และการที่ตนเดินทางมาครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าประเทศไทยใช้วิธีตอบสนองกับช่องทางในการสื่อสารที่เป็นทางการเท่านั้น ซึ่งประธานไอซีอาร์ซีชื่นชมที่ไทยใช้ความอดทนอดกลั้น จากสิ่งต่างๆ ที่ไทยทำ ทำให้การเดินทางมานครเจนีวาครั้งนี้ได้รับการยอมรับว่าไทยยึดมั่นในกรอบจารีตประเพณีของประชาคมโลก
“ในหลักการ ไอซีอาร์ซีชื่นชม และพูดว่า สิ่งที่รัฐบาลไทยทำในขณะนี้ ในการรณรงค์ชี้แจงทุกอย่างโดยใช้ข้อเท็จจริงเป็นตัวสู้กับข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน เป็นสิ่งที่นานาอารยประเทศให้การสนับสนุนและส่งเสริมในสิ่งที่เราทำอยู่ตลอดเวลา”นายมาริษ กล่าว
นายมาริษ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนได้เล่าให้ประธานไอซีอาร์ซีว่ากัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา โดยล่าสุด เกิดเหตุขึ้นครั้งเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ทหารไทย 1 นาย ต้องสูญเสียขา แม้ไทยพยายามให้กัมพูชาร่วมมือ แต่กัมพูชายังละเมิดกฎระเบียบทุกอย่าง ตนจึงจำเป็นต้องประท้วงและประณามผ่านองค์กรต่างๆ ทั้งที่เจนีวาไปทั้งหมดแล้ว รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพ ได้ประท้วงกัมพูชาในกรณีดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจ ดังนั้นถือว่าการเดินทางเยือนกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่บ้านหนองจานนั้น ไอซีอาร์ซีเคยมีบทบาทจัดตั้งศูนย์อพยพของกัมพูชาในช่วงสงครามกลางเมือง และตนได้บอกกับไอซีอาร์ซี ว่าตนเป็นหนึ่งในหลายคนของกระทรวงฯ ที่ผลักดันให้ความช่วยเหลือกัมพูชามาตลอด ทั้งปัญหาสันติภาพในกัมพูชา เพื่อไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง ให้ความช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่หลบหนีภัยสงครามเข้ามาในไทย
"สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ในสายตาทุกประเทศ ว่าไทยเป็นประเทศที่รักสันติจริงโดยดูจากการกระทำ ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ การกระทำที่ผ่านมาตลอดยืนยันได้ดีที่สุดว่าเราคือประเทศรักสันติและมีบทบาทความช่วยเหลือกัมพูชามาตั้งแต่มีปัญหาอยู่ และการที่กัมพูชาได้เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มอาเซียนก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทของไทย ซึ่งเหล่านี้คือข้อเท็จจริง ที่ทั่วโลกรับรู้ จึงเป็นการยืนยันว่าไทยให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน” ต่อกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง"นายมาริษ กล่าว