“ศาลสูงจีน” บังคับเก็บ เงินสมทบประกันสังคม เต็มรูปแบบ เสี่ยงกระทบแรงงาน-ธุรกิจขนาดเล็ก
คำตัดสินของศาลสูงสุดจีนห้ามนายจ้าง-ลูกจ้างตกลงยกเว้นการจ่าย เงินสมทบประกันสังคม มีผล 1 ก.ย. อาจเพิ่มต้นทุนทั้งระบบราว 1% ของ GDP และสร้างแรงกดดันต่อธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 13.46 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าศาลประชาชนสูงสุดของจีนมีคำตัดสินห้ามนายจ้างและลูกจ้างทำข้อตกลงยกเว้นการจ่ายเงินสมทบประกันสังคม มีผลบังคับใช้ 1 กันยายน 2568 เพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงานและเพิ่มความมั่นคงให้ระบบบำนาญ รองรับสังคมสูงอายุที่ขยายตัวรวดเร็ว แต่ Societe Generale เตือนว่าหากบังคับใช้อย่างจริงจัง อาจเพิ่มต้นทุนแรงงาน-นายจ้างราว 1% ของ GDP และกระทบหนักต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ปัจจุบันการตกลงกันโดยไม่จ่ายเงินสมทบพบได้ทั่วไป งานสำรวจปีที่แล้วพบว่ามีเพียง 28% ของบริษัทกว่า 6,000 แห่งที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดครบถ้วน ช่องโหว่นี้ช่วยให้บางธุรกิจอยู่รอดด้วยการรักษาต้นทุนต่ำ ขณะที่แรงงานบางส่วนเลือกไม่จ่ายเพราะมองว่าผลประโยชน์ในอนาคตไม่คุ้มค่า โดยข้อมูลปี 2566 ชี้ว่าพนักงานเอกชนได้รับบำนาญเฉลี่ยเพียง 3,162 หยวน ต่ำกว่าภาครัฐเกือบครึ่ง และสูงกว่าชาวชนบทหรือคนว่างงานในเมืองซึ่งได้เพียง 214 หยวน
คำตัดสินดังกล่าวจุดกระแสถกเถียงในสังคมออนไลน์ หลายฝ่ายกังวลว่าจะทำให้ธุรกิจเล็กต้องเลิกจ้างหรือปิดกิจการ ขณะที่แรงงานบางส่วนต้องการเงินเดือนปัจจุบันมากกว่าบำนาญอนาคต ความไม่พอใจยิ่งชัดเจนในกลุ่มแรงงานกิ๊กที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม
รัฐบาลจีนให้เหตุผลว่ามาตรการนี้จะช่วยเสริมตาข่ายความปลอดภัยทางสังคม กระตุ้นการบริโภค และเติมเงินเข้ากองทุนบำนาญซึ่งคาดว่าจะขาดดุลภายในปี 2578 หากไม่มีการอุดหนุนจากรัฐ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก SocGen มองว่าหากผลกระทบรุนแรง รัฐบาลอาจต้องเลื่อนการบังคับใช้หรือออกมาตรการบรรเทาเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกระแทกต่อตลาดแรงงานในภาวะที่เศรษฐกิจเผชิญแรงกดดันเงินฝืดอยู่แล้ว
อ้างอิง : www.bloomberg.com