“ศิริกัญญา” เสนอตัดงบกลางลง 5 หมื่นล้าน
รัฐสภา 13 ส.ค.-“ศิริกัญญา” เสนอตัดงบกลางลง 5 หมื่นล้าน เหตุใช้งบขาดประสิทธิภาพ ตั้งงบต่ำแล้วใช้เงินสำรองโปะงบที่ขาด งงตั้งงบใช้เงินคงคลังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แถมพบพิรุธเอางบกลางช่วยภัยแล้งเฉพาะพื้นที่รัฐบาล ด้าน “จุลพันธ์” แจงตั้งงบตามภาวการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน ขณะที่งบค่ารักษาพยาบาลเป็นไปตามสิทธิเบิกจริง ไม่สามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ ยืนยันจำเป็นต้องมีงบกลางพอใช้กรณีฉุกเฉินจำเป็น
นส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอปรับลดงบกลาง 627,968.75 ล้านบาท หรือปรับลดลง50,000ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของเงินใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็นไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และมีการโยกโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณในส่วนนี้ไปชำระหนี้อื่นๆ ที่อาจจะตั้งงบประมาณไม่เพียงพอ ทั้งเงินชดใช้เงินคงคลังที่ปีนี้เป็นรายการที่เพิ่มขึ้นมา 123,541 ล้านบาท ถือว่าปีนี้เป็นปีที่เราตั้งงบใช้เงินคงคลังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอมีการตั้งงบคงคลังสูงขนาดนี้ หากคิดเป็นเปอร์เซ็นของงบประมาณก็ใกล้เคียงกับงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2567 ที่มีการตั้งงบชดใช้เงินคงคลังเอาไว้ 118,000 ล้านบาทเศษแต่กรณีนี้เป็นการใช้เงินคงคลัง 2 ปีงบประมาณ แต่ขอปี 2567 ตั้งไว้สำหรับปี 2567 เพียงปีเดียว และที่ต้องใช้เงินคงคลังเพราะตั้งงบประมาณไว้ไม่เพียงพอ ก็ไปใช้งบกลางเงินใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น แต่งบกลางก็ไม่พอ เพราะยังต้องชำระดอกเบี้ยเกือบ 40,000 ล้านบาท บำนาญข้าราชการเกือบ 40,000ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ 24,000 ล้านบาท เงินพนักงานราชการ 17,000 ล้านบาท ซึ่งแต่ละรายการสามารถคำนวณล่วงหน้าได้อยู่แล้ว แต่เกิดจากความตั้งใจที่จะตั้งงบประมาณให้ต่ำกว่าความเป็นจริงแล้วไปใช้จ่ายเงินฉุกเฉินจำเป็นทดแทน และพอปีไหนที่ตึงมือมากๆ เช่นปี 2567 ต้องนำเงินไปแจกเงินหมื่นใช้กับกลุ่มเปราะบาง ก็เลยตึงมือขนาดที่จะต้องไปใช้เงินคงคลัง เมื่อใช้แล้วก็ต้องตั้งงบใช้คืน และปีนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกัน ขณะที่ตั้งงบชำระดอกเบี้ยก็ตั้งไว้ต่ำกว่าที่ตั้งไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง ซึ่งความจริงดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐบาลควรต้องทะลุ 10 เปอร์เซ็น สุดท้ายก็ต้องใช้เงินใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น หรือไม่ก็ต้องใช้เงินคงคลัง
ดังนั้นจะเห็นว่าค่าเบี้ยหวัดบำเหน็ดบำนาญราชการและค่ารักษาพยาบาลจะเห็นว่าตั้งไว้ไม่เคยพอ นับวันจะยิ่งสูงขึ้น ดูทรงแล้วปี 68 น่าจะต้องใช้เงินคงคลัง และปี 69 ก็จะต้องใช้เพิ่มเช่นกัน ซึ่งสองส่วนนี้ดูแล้วน่าจะต้องใช้งบกลางไปถึง 60,000 ล้านบาทเศษ ทั้งที่รายการเหล่านี้เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้ นอกจากนี้ยังมีค่าเค หรือเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างที่ราคาผันผวน อาจจะต้องชดเชยเพิ่มเติม พบว่าค้างจ่ายกับบริษัทรับเหมา 3,000 ล้านบาท แต่ตั้งงบประมาณไว้ปีละ 960 ล้านบาท แล้วเมื่อไหร่จะใช้หมด จะเป็นดินพอกหางหมูเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นส.ศิริกัญญา ยังตั้งข้อสังเกตว่าปี 68ตั้งงบกลางไว้ 96,000 ล้านบาท แต่เพิ่งใช้ไปประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท เหลืออีก 70,000 ล้านบาทคงกั๊กเอาไว้ในไตรมาศสุดท้ายเพื่อใช้ชำระหนี้อะไรหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ เราก็เห็นถึงประสิทธิภาพของการเบิกจ่ายเงินฉุกเฉินจำเป็น พร้อมกันนี้ยังพบกว่ามีงบกลางที่ใช้ช่วยเหลือภัยแล้ง แล้วพบว่ามีข้อพิรุธว่ามีการจัดสรรงบกลางในการช่วยเหลือภัยแล้งค่อนข้างเอนเอียงไปทางรัฐบาล หลังจากนั้นสำนักงบประมาณได้ส่งหนังสือให้ทุกหน่วยงานทบทวนโครงการนี้ ซึ่ง ณ วันนี้ทบทวนเสร็จแล้วปรับลดจาก 7,400 ล้านบาท เหลือ2,108 ล้านบาท แต่เรื่องนี้ยังอยู่ในการสอบของป.ป.ช. จึงขอให้รอบนี้มีการกระจายตัว ไม่กระจุกอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนประสบความสำเร็จ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงเรื่องการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดใช้เงินคงคลังว่า มีการเบิกจ่ายเกินกว่าที่ตั้งงบประมาณไว้จริง ๆในปี 2568 มีรายการงบกลางเบี้ยหวัดบำเหน็ดบำนาญ เป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายตามสิทธิของบุคลากร งบกลางในรายการค่าใข้จ่ายรักษาพยาบาลลูกจ้างของรัฐ งบกลางเงินช่วยเหลือลูกจ้าง ข้าราชการของรัฐ งบชำระหนี้ภาครัฐ ซึ่งเป็นไปตามภาวะการณ์เศรษฐกิจในขณะตั้งงบประมาณ ซึ่งมีความผันผวนไม่แน่นอนสูง เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว และแผนงานบุคลากรภาครัฐ เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเป็นไปตามสิทธิค่าใช้จ่ายที่เบิกจริง ซึ่งเป็นระดับจุลภาค ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งงบประมาณเหล่านี้ไม่มีหน่วยรับงบประมาณที่ชัดเจน เป็นงบประมาณตัวเลขที่ไม่แน่ชัด สำนักงบประมาณก็จะทำการตกลงกับกรมบัญชีกลางว่าจะตั้งงบประมาณเท่าไหร่ ซึ่งไม่มีการตั้งงบประมาณเผื่อเพียงพอจนเหลือ ดังนั้นการตั้งงบประมาณอาจจะไม่เพียงพอ 100เปอร์เซ็น ดังนั้นการใช้เงินคงคลังในปีนี้อาจจะไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมา และในส่วนของงบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น เป็นงบประมาณสำคัญ เพราะเหตุการณ์ภัยพิบัติ เหตุการณ์ปะทะชายแดน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซี่งงบประมาณในส่วนนี้ 98,000 ล้านบาท และปรับเพิ่มมาอีก 1,000 ล้านบาทเป็นงบประมาณที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ และงบประมาณปี 68 มีการใช้ไปแล้วประมาณร้อยละ 45 ใช้ในการเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติร้ายแรง เช่นน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟไหม้ เหตุปะทะชายแดน และส่วนหนึ่งไปใช้ในส่วนของรายจ่ายของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้วแต่ไม่เพียงพอ แต่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายผูกพัน รายการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ แต่มีภารกิจเร่งด่วน เช่นการแก้ไขปัญหาพีเอ็ม 2.5 หรือรายจ่ายที่รองนายกรัฐมนตรีลงไปแก้ไขปัญหาในพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามโครงการไร่ละพัน ไม่ได้ใช้งบกลาง
ส่วนที่มีการอภิปรายถึงการเปลี่ยนแปลงงบประมาณร่ายจ่ายในปี 2568นั้น นายจุลพันธุ์ ชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงงบประมาณที่มีการร้องไปยัง ป.ป.ช.นั้น สิ่งที่สำนักงบประมาณตอบมาคือ มาตรา 144 คือการไม่ให้สส.แปรญัตติเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวน แต่อาจแปรญัตติในการปรับลดรายจ่ายที่ไม่ใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง เงินส่งการใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย ซึ่งในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เคยมีการปรับลดงบประมาณของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 3 แห่งวงเงิน 2,100 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้แตกต่างกัน และสามารถดำเนินการได้โดยชอบตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งการปรับลดในส่วนของรายการที่รัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือสูญเสียรายได้ในการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐเป็นวงเงิน 1,100 ล้านบาท ก็ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ และชอบโดยรัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกประการ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของป.ป.ช.ก็คงต้องปล่อยให้ตรวจสอบมีหน้าที่ดำเนินการโดยอิสระ.-312.-สำนักข่าวไทย