ศุลกากร ผนึก ‘การท่าเรือ’ เชื่อมข้อมูล เข้มตรวจสินค้าสวมสิทธิ์
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมศุลกากรร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ด้วยเครื่องเอกซเรย์ โครงการพัฒนาระบบ Scanning เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือให้ได้มาตรฐานสากลตาม ISPS Code
สำหรับการร่วมมือดังกล่าว เนื่องจากเราต้องการพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระดับโลก ขณะที่มาตรการในการตรวจสอบสินค้าคงยังไม่ได้จบอยู่เพียงเท่านี้ ทุกอย่างจะต้องมีการปรับเปลี่ยน และต้องพัฒนา เพื่อให้การตรวจสอบสินค้าเข้มข้น รวมถึงสินค้าที่เป็นสินค้าสวมสิทธิ์ (Transshipment) โดยเราตั้งเป้าหมายว่าจะมีการป้องกันที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็จับตาประเทศไทยในประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมศุลกากรมีเครื่องเอกซเรย์ในการตรวจสินค้า แต่ในแต่ละปีมีสินค้าเข้ามาจำนวนมาก เช่น ท่าเรือแหลมฉบังในแต่ละปี มีสินค้าเข้ามากว่า 10 ล้านตู้ ถือว่าจำนวนสินค้าที่เข้าออกมีจำนวนมาก และกระบวนการสแกนไม่สามารถครอบคลุมได้หมด
“กรมศุลกากรยังทำการสุ่มตรวจในสินค้าที่มีความเสี่ยง แต่อนาคต หากเพิ่มการสแกน ที่ร่วมมือกับการท่าเรือด เชื่อว่าการตรวจสอบจะมีปริมาณที่มากขึ้น สินค้าที่ต้องห้ามจะป้องกันได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน”
นอกจากนี้ การร่วมมือกันครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐและเอกชนในการบูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อยกระดับการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้มีมาตรฐานสากล เสริมสร้างความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบการค้า สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ผู้ประกอบการ และคู่ค้าระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการมีระบบท่าเรือที่ทันสมัยของประเทศไทย
ด้านนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน และอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าที่บรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าในพื้นที่ท่าเรือ ตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของกรมศุลกากร
โดยกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะร่วมกันบูรณาการการใช้เทคโนโลยี เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรฐานการเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงกำหนดการเข้าถึงและการใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามโครงการพัฒนาระบบ Scanning เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือให้ได้มาตรฐานสากลตาม ISPS Code
สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะเริ่มดำเนินการ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นแห่งแรก และขยายผลไปยัง ท่าเรือกรุงเทพ รวมถึงท่าเรืออื่น ๆ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยในอนาคต
โดยกรมศุลกากรจะจัดทำและพัฒนาระบบการเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเรียกดูข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้จากการดำเนินโครงการจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมการกำหนดระดับสิทธิที่เหมาะสมสำหรับการเข้าถึง และใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมศุลกากร
“กรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานบริหารจัดการ และกำกับดูแลการเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรฐานการเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การเข้าถึงและใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ลดความซ้ำซ้อนในการตรวจสอบ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศ”