สรุปร่างผู้ป่วย HIV ใน วัดพระบาทน้ำพุ ยังสามารถแพร่เชื้อได้มั้ย

หลังจากที่มีรายงานว่าพบอย่างน้อย 20 ศพ ของผู้ป่วย HIV ที่เสียชีวิตในศาลาธรรมสังเวช วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี กระทั่งล่าสุดไปค้นพบเพิ่มอีก 9 ร่าง ซึ่งทางหลวงพ่ออลงกตบอกว่า เก็บร่างผู้เสียชีวิตเพื่อให้มนุษย์ไว้เพื่อดูเรื่องสังขาร แน่นอนว่า เหล่านักวิชาการต่างออกมาบอกว่า การเก็บศพไว้แบบนี้ไม่ถูกหลักอนามัย เนื่องจากอาจจะสามารถแพร่เชื้อโรคได้ เพราะทางวัดดองศพด้วยการฉีดฟอร์มาลีนเท่านั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางด้าน หมอหมู รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้มาร่วมพูดคุยในโหนกระแส และอธิบายเรื่องนี้ให้ หนุ่ม กรรชัย ฟังว่า จริงๆ ก็ไม่มีใครเขาทำแบบนี้กันแล้ว ถ้าอาจจะบอกมีการกล่าวอ้างบอกว่ามีร่างพระเกจิไปอยู่ตามวัดต่างๆ แต่นั่นเขาทำถูกต้องในเรื่องหีบบรรจุ ที่มีการปิดมิดชิดชัดเจนอันนี้มันดูเปิดมาก

"จริงๆ เนี่ยส่วนใหญ่ก็ใช้ในการศึกษาทางการแพทย์อันนั้นก็จะมีขั้นตอนวิธีปฏิบัติที่มันปลอดภัยนะครับ ซึ่งอันนี้ไม่แน่ใจเลย แล้วยิ่งติดตามข่าวบอกว่าศพที่พบแค่ฉีดฟอร์มาลีนเข้าไป ต้องเรียนอย่างนี้ครับ ที่เราใช้ในทางการแพทย์เนี่ยเป็นการฉีดเข้าไปก่อนแล้วก็นำศพเนี่ยไปแช่ในถังที่เป็นน้ำยาแล้วก็มีส่วนของฟอร์มาลีนด้วยเก็บไว้ถึง 2 ปีกว่าที่จะนำขึ้นมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อทำการศึกษษ

ถ้าเกิดแบบเนี้ยะ ฉีดอย่างเดียวมันก็จะผ่านฉีดทางเส้นเลือดแล้วมันจะกระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อ บางคนฉีดเส้นเลือดแตกหรือบางคนฉีดไม่เป็น ฉีดไม่ครบถ้วนอย่างเงี้ย เนื้อเยื่อบางส่วนก็จะมีเน่าได้ไม่ใช่ว่าฉีดไปแล้วเนี่ยแล้วจะคงสภาพได้ทั้งหมด ฉะนั้นพอทิ้งมาเนี่ยผมเชื่อว่า ถ้าฉีดแบบนี้เราก็ปล่อยสภาพไป แน่นอนคือมันจะมีบางส่วนที่อาจจะไม่เน่า แต่บางส่วนก็เน่านะครับ แล้วถ้าเกิดการเน่าเนี่ยมันก็จะมีทั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราอะไรต่างๆ

อย่างเมื่อกี้ที่พี่หนุ่มถามถึงนะครับว่า ถ้าไปนั่งพิจารณากัน ก็มีการเป่าพัดลมด้วยอะไรด้วยนะครับ มันจะมีผลไหม ผมว่าก็มีต้องมี เพราะว่าเรื่องเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียที่มันเกิดขึ้นใหม่นะครับยังไม่รวมถึงตัวโรค ซึ่งตัวโรคจริงๆ เนี่ยที่เมื่อกี้มีทางถึงเรื่องวัณโรคนะครับ จริงๆ คนเสียชีวิตจะบอกว่าเป็น HIV ก็ต้องเรียนอย่างนี้ครับ ถ้าเป็นในส่วนของ HIV เนี่ย ถ้าตัวเลือด พอออกมาจากร่างกายนะครับมันจะอยู่ได้ไม่นานก็เสียชีวิต

หมายถึงตัวไวรัสมันจะตาย ฉะนั้นการแพร่กระจายค่อนข้างยาก ในแง่เรื่องที่มันอยู่ภายนอกล่ะ ถ้าเกิดเสียชีวิตไปเลือดที่อยู่ข้างในเนี่ยมันมีโอกาส อย่างผมเนี่ยผ่าชันสูตรศพต้องป้องกันไม่งั้นมันก็ติด แต่ถ้าเกิดฉีดฟอร์มาลีนแล้ว ฟอร์มาลีนก็จะเป็นตัวช่วยอีกในการที่จะฆ่าเชื้อ ดังนั้นโอกาสที่เชื้อมันจะแพร่กระจายเนี่ยมันก็น้อยลงไปอีก แนวเดียวกันกับวัณโรค ซึ่ง วัณโรค เนี่ยผมมีเพื่อนเป็นหมอด้วยกัน เอาชิ้นเนื้อไปแช่ฟอร์มาลีนแล้ว แล้วก็ตัดชิ้นเนื้อ เพราะว่าต้องไปตัดสไลด์กล้องจุลทรรศน์

แต่บังเอิญตอนตัดชิ้นเนื้อปลายมีดไปตัดโดนนิ้วตัวเองกลายเป็นวัณโรค ทั้งที่เนื้อชิ้นนั้นน่ะแช่ฟอร์มาลีนมาแล้ว แต่เป็นชิ้นเนื้อที่เป็นวัณโรค ถ้าตามข้อมูลเชิงวิชาการก็บอกว่าตัวของวัณโรคเนี่ยมันก็ทนกว่าทนกว่า HIV แต่แน่นอนคือระยะเวลาค่อนข้างนานขนาดนี้ก็ตามข่าวบอกเป็น 10 ปีอะไรอย่างเงี้ย ผมคิดว่ามันคงโอกาสมันคงน้อย แต่ในช่วงแรกๆ มีโอกาสได้ ถ้าเกิดยิ่งบอกเป่าพัดลมมาจะมีการฟุ้งกระจาย

คือวัณโรคเนี่ยมันมาจากการสัมผัสพวกสารคัดหลั่ง เพราะฉะนั้นเนี่ยมันมีโอกาส ถ้าเกิดว่าเราไปเหมือนที่บอกกรีดแล้วสัมผัสแล้วมันมีบาดแผล หรือแม้กระทั่งมีฟุ้งกระจายเนี่ยมันก็มีโอกาสได้อีกอันนึงที่น่าเป็นห่วงก็จะเป็นตัวของไวรัสตับอักเสบนะครับพวกนี้ก็ติดผ่านทางสารคัดหลั่ง แต่ถ้าเกิดในกรณีแบบนี้ฉีดฟอร์มาลีนแล้วผ่านมา 10 ปี โอกาสมันก็น้อยไปแล้ว มันแถบจะไม่มีแล้ว

ถ้าเอาพูดถึง ณ ปัจจุบันนะครับ ศพนี้เนี่ย HIV ไวรัสอักเสบหรือรวมถึงวัณโรคเนี่ยโอกาส แทบจะไม่มี แต่มันก็จะมีส่วนที่หมุนเวียนว่าเนื้อเยื่อทั้งหมดเนี่ย มันการันตีไม่ได้หรอกว่ามันจะไม่มีการเน่าสลาย เพราะการเน่าสลายมันก็จะเกิดเชื้ออื่นๆ อย่างไวรัส หรือเชื้อราพวกเนี้ยมีโอกาสที่จะทำให้ติดเชื้อได้ ถ้าแบคทีเรียไวรัสโดยทั่วไป มันก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินอาหารได้ถ้ามีการไปปนเปื้อน

ยกตัวอย่างมีแมลงวัน หรือ มีสัตว์ฟันแทะ พวกหนูพวกอะไรอย่างเงี้ย หรืออะไรที่ควบคุมไม่ได้ เพราะเปิดโล่งแล้วก็ไปกัดเข้าไปอะไรลงไปในแหล่งน้ำ ไปในอาหาร คนก็รับประทานก็มีความเสี่ยง เพราะไม่ถูกสุขลักษณะเลย เพราะไม่ใช่ที่ดูแลที่ถูกต้อง มันก็มีความเสี่ยง ซึ่งฟอร์มาลีน กลิ่นมันก็มีวันจางไป คือต้องเรียนอย่างนี้ก่อนฟอร์มาลีนเนี่ยฉีดเข้าเส้นเลือดมันฉีดได้ครั้งเดียวมันฉีดซ้ำไม่ได้

"ซึ่งการฉีดแบบเนี้ยมันจึงไม่คอนเฟิร์มหรอกครับ ไม่ยืนยันว่าเนื้อเยื่อทั้งหมดเนี่ยมันจะมีฟอร์มาลีนซึมเข้าไปทั้งหมด เพราะฉะนั้นทางการแพทย์ เขาจึงนำไปแช่เอาไปดองถึง 2 ปีเพราะอย่างนี้แบบนี้มันมีโอกาสที่เนื้อเยื่อบางส่วนมันไม่ได้รับฟอร์มาลีนเนี่ยมันก็มีโอกาสเน่า การเน่านั่นแหละมันจะทำให้เกิดเชื้อต่างๆ ตามมาซึ่งส่งผลเสียแน่นอนถ้าเกิดใครเข้าไปอยู่ใกล้หรือสัมผัสอยู่ตลอดเวลา"