เปิดแฟ้มครม.ชงโอนงบ2.6หมื่นล.ฉุกเฉิน ตั้งสหกรณ์กลางแก้หนี้ครู
ครม.วันนี้ 26 สิงหาคม 2568 มีวาระสำคัญหลายเรื่องที่ต้องจับตา ทั้งการจัดการงบประมาณด้านเศรษฐกิจและนโยบายทางสังคม โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ประธานการประชุมแทนนายกรัฐมนตรี
วาระเด่น: คลังชงโอนงบเศรษฐกิจ 2.6 หมื่นล้าน
กระทรวงการคลังเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการโอนงบประมาณกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปีงบประมาณ 2568 ที่ยังเหลืออยู่วงเงิน 26,000 ล้านบาท เข้าไปเป็นงบกลางรายการ “สำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเร่งด่วน” ของปี 2568 โดยเหตุผลคือ เพื่อให้รัฐบาลสามารถใช้วงเงินดังกล่าวได้อย่างยืดหยุ่น หากเกิดสถานการณ์เร่งด่วนที่ต้องการเงินสนับสนุน ทั้งการบรรเทาภัยพิบัติ การอัดฉีดเศรษฐกิจ หรือการดูแลสังคมในยามวิกฤติ
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังระบุว่า งบส่วนนี้เป็นงบที่กันไว้เพื่อใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปีงบประมาณ เห็นว่าโครงการที่จำเป็นส่วนใหญ่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จึงนำส่วนที่เหลือเข้ากองกลาง เพื่อให้รัฐบาลใช้ตามสถานการณ์จริง ลดปัญหาการจัดทำงบใหม่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ศึกษาฯ เสนอ "สหกรณ์กลางแก้หนี้ครู"
อีกวาระสำคัญคือ กระทรวงศึกษาธิการเสนอจัดตั้ง สหกรณ์กลางเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครูทั่วประเทศ โดยจะตั้งกองทุนกลางขนาดใหญ่ มีทุนสำรองปล่อยกู้ราว 100,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 0% เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยของครูสมาชิกสหกรณ์หนี้สิน จากนั้นปีที่ 2–4 ดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าตลาด
กระทรวงศึกษาธิการชี้ว่า ครูทั้งประเทศกว่า 900,000 คน ส่วนใหญ่ประสบปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่ดอกเบี้ยสูงและทับซ้อนกับภาระสินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ การมี “สหกรณ์กลาง” จะช่วยเป็นกลไกในการรีไฟแนนซ์ ปรับโครงสร้างหนี้อย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังเสนอให้มีงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยปีแรกในวงเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อทำให้ครูที่เข้าร่วมโครงการสามารถปรับโครงสร้างหนี้โดยไม่ต้องกังวลภาระจ่ายดอกเบี้ย
นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษาให้ความเห็นว่า มาตรการนี้เป็น “การอัดฉีดทางสังคม” ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตครูโดยตรง และอาจเชื่อมโยงกับคุณภาพการศึกษาในระยะยาว เพราะเมื่อครูมีหนี้น้อยลง ก็อาจมีสมาธิและแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลว่า หากไม่มีการปรับวินัยทางการเงินควบคู่ไปด้วย ครูอาจกลับมาติดหนี้ซ้ำอีก
ท่องเที่ยวฯ ชง Tomorrowland 5 ปี
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอ ครม. พิจารณางบประมาณจัดงานเทศกาลดนตรีระดับโลก Tomorrowland ในประเทศไทยต่อเนื่อง 5 ปี (พ.ศ. 2569–2573) ใช้งบรวม 4,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท โดยมีการตกลงร่วมลงทุนกับ Tomorrowland International และพันธมิตรเอกชนไทยเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าเทศกาลนี้จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มรายได้มหาศาลให้กับเศรษฐกิจไทย โดยกระทรวงประเมินว่า จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนแต่ละปีหลายหมื่นล้านบาท แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิชาการและฝ่ายค้านอาจตั้งคำถามถึง “ความคุ้มค่า” ของการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อสนับสนุนเทศกาลบันเทิง
แรงงาน เปิดทางผู้หนีภัยทำงานถูกกฎหมาย
กระทรวงแรงงานเสนออนุญาตให้ผู้หนีภัยการสู้รบ ที่พำนักในศูนย์อพยพ 9 แห่งทั่วประเทศ จำนวนประมาณ 42,000 คน สามารถทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อทดแทนแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศจำนวนมาก มาตรการนี้มีเป้าหมายสองด้าน คือ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรม และสร้างโอกาสให้ผู้หนีภัยสามารถพึ่งพาตนเองได้
องค์กรสิทธิมนุษยชนบางส่วนมองว่า การอนุญาตทำงานจะช่วยให้ผู้หนีภัยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และลดการถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง แต่ก็ยังต้องติดตามว่ารัฐบาลจะจัดการเรื่องสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองแรงงานอย่างไร
สธ. เสนอแต่งตั้งอธิบดีใหม่ – จับตาเลขาฯ สภาพัฒน์
ด้านกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ได้แก่ อธิบดีกรมควบคุมโรค และอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยจะคัดเลือกจากรองปลัดกระทรวงที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาการแต่งตั้ง เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คนใหม่ โดยคาดว่าจะมีการโอนนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ จากตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. มาดำรงตำแหน่งนี้
การปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นการจัดทัพข้าราชการระดับสูง เพื่อรองรับนโยบายใหม่ของรัฐบาล โดยเฉพาะการวางแผนยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูประบบราชการด้านเศรษฐกิจและสังคม