ตลาด “ไลฟ์สไตล์ช้อป” ยักษ์ใหญ่จีน-สิงคโปร์-ญี่ปุ่น ซุ่มขยายสาขา
ตลาดค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ หรือไลฟ์สไตล์ช้อป ในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และทวีความรุนแรงมากขึ้นในปีนี้ เห็นได้จากในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค. - มิ.ย.) นอกจากการขยายสาขาทั้งจากแบรนด์สัญชาติไทย และต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
ยังมี OH!SOME แบรนด์น้องใหม่ถอดด้ามจากสิงคโปร์ ที่เข้ามาขอชิงแชร์ในตลาดไทย ขณะที่บิ๊กเนมอย่าง KKV ไลฟ์สไตล์ช้อปสัญชาติจีน ก็สปีดแรง พร้อมขยายสาขาต่อเนื่อง สมรภูมินี้จึงฟาดฟันดุเดือดแบบต้องจับตามอง
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การเงิน บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ผู้บริหารร้าน Moshi Moshi กล่าวว่า ในครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศ และการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เหลือ 2.8%
ซึ่งเป็นอัตราที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 17 ปี นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง เหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ และความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ธุรกิจค้าปลีกเกิดภาวะตลาดแบ่งขั้วอย่างชัดเจน โดยกลุ่มที่พึ่งพานักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบสูง ขณะที่กลุ่มธุรกิจสินค้าจำเป็นพื้นฐานยังคงสามารถเติบโตได้
แต่ภาพรวมของบริษัทยังเติบโตแข็งแรง เห็นได้จากยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2 ที่เติบโต 15.2% และคาดว่าทั้งปีจะเติบโตได้ 4-5% ทำให้เชื่อว่ารายได้ในปีนี้ จะเติบโต 15-20% ตามแผนที่วางไว้ โดยกลยุทธ์การทำตลาด ประกอบด้วย
1. การพัฒนาสินค้าใหม่ สร้างสรรค์สินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เปิดตัวคอลเลกชันพิเศษที่ร่วมมือกับพันธมิตร (Collab) และคอลเลกชันลิขสิทธิ์จากการ์ตูนชื่อดังไม่น้อยกว่า 2 คอลเลกชันต่อเดือน
2. การปรับปรุงร้านค้า ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
3. การจัดโปรโมชันเชิงรุก เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเดิม
4. การขยายสาขา เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ตามแผนที่วางไว้ 40 สาขาในปี 2568 เพื่อรองรับการเติบโตและขยายการเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ
ในขณะที่แบรนด์ไทยยังคงรักษาการเติบโต แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์จากต่างประเทศก็เริ่มเข้ามาขยายฐานในประเทศไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดไทยที่ดึงดูดผู้ประกอบการต่างชาติให้เข้ามาลงทุน
ด้านนายเมธา วจนะศิขร ผู้จัดการ OH!SOME ประเทศไทย กล่าวว่า OH!SOME เป็นแบรนด์ค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยสาขาแรกในไทย ที่สามย่านมิตรทาวน์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตามทันเทรนด์ มีความมั่นใจในการแสดงออก และมีการใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างคึกคัก
โดยจุดเด่นของสาขานี้ คือธีม “โลกแห่งน้ำแข็งและหิมะ” ที่มาพร้อมสินค้าลิขสิทธิ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ คอลเลกชันดีไซน์เฉพาะที่ OH!SOME ที่เกิดจากความร่วมมือกับ Disney อาทิ คอลเลกชัน Stitch กลิ่นอายท้องทะเลสดใส, คอลเลกชัน Winnie the Pooh ธีม ปิกนิกสุดอบอุ่น และคอลเลกชัน Mickey Mouse ในสไตล์เดนิมที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
ปัจจุบัน OH!SOME มีสาขากว่า 130 สาขาในสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอีกหลายประเทศและภูมิภาค และภายในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายร้านเพิ่มในอีกหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ซึ่งแต่ละสาขาจะมีพื้นที่กว้างขวางขึ้นและมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
ขณะที่แบรนด์ที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้คือ KKV เป็นแบรนด์ร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ อินเทรนด์ในเครือ KK GROUP ยักษ์ค้าปลีกจากประเทศจีน ซึ่งเข้ามาเปิด KKV Flagship Store 100 Lifestyle แห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ก่อนที่จะขยายสาขามายังเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ท่าพระ และงามวงศ์วาน โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกมุมเมือง ทั้งโซนผลิตภัณฑ์ความงาม ประกอบด้วย เครื่องสำอางค์ อุปกรณ์เสริมความงาม สกินแคร์ฯลฯ โซนเครื่องประดับ โซนของใช้ประจำวัน โซนอุปกรณ์เพื่อการเดินทาง โซนเครื่องเขียน โซนของเล่น โซนอาร์ตทอย โซนอุปกรณ์ตกแต่ง ทำความสะอาดบ้าน โซนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โซนขนมทานเล่นและเครื่องดื่ม รวมถึง อาณาจักรบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากทั่วโลก
อีกแบรนด์ที่น่าจับตามองคือ MINISO แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติจีน ซึ่งเกิดจากการลงทุนของนักธุรกิจจีนร่วมกับดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเข้ามาปักหมุดในไทยพร้อมขยายสาขาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดแฟลกชิปสโตร์ ที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ และล่าสุดที่เดอะ มอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร นำเสนอสินค้ากว่า 5,500 รายการ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและครอบครัวในย่านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ จุดเด่นของ MINISO คือ กลยุทธ์ IP Marketing ที่แข็งแกร่ง โดยร่วมงานกับแบรนด์ IP ชื่อดังกว่า 150 รายทั่วโลก แฟลกชิปสโตร์ที่ตกแต่งทันสมัยและจอ LED ขนาดใหญ่
“บริษัทจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอคอนเซ็ปต์ร้านใหม่ๆ และสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดไทย” นายจุน หวัง ผู้จัดการทั่วไป มินิโซ ประเทศไทย กล่าว
อย่างไรก็ดี MINISO มุ่งขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ผ่านการนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างทั้งซูเปอร์สโตร์ ร้านสินค้าธีมต่างๆ รวมไปถึงช้อปป๊อปอัพ ขึ้นอยู่กับสถานที่เช่น Gobal Store ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย, ซูเปอร์สโตร์ ที่สิงคโปร์, ร้านป๊อปอัพธีม Harry Potter ที่ฮ่องกง เป็นต้น
ด้านแบรนด์ “niko and…” ร้านไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่นในเครือบริษัท Adastria Co., Ltd. ที่เปิด Global Flagship Store แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สยามสแควร์วัน ในปี 2566 โดยบริษัทแม่จากญี่ปุ่นได้จัดตั้งบริษัทใหม่ในประเทศไทยเพื่อดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะ เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของตลาดแฟชั่นในภูมิภาคนี้ที่มีประชากรหนุ่มสาวจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันเริ่มขยายสาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่อเนื่อง อาทิ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ด้วยจุดเด่นที่ดีไซน์สไตล์ญี่ปุ่น ทำให้เป็นที่นิยมของคนไทยอย่างแพร่หลาย
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568