ชงนายกฯ เคาะมาตรการแก้หนี้ 8 ชนิด ปรับวิธีคำนวณดอกเบี้ยเช่าซื้อ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการสรุปข้อเสนอจาก 10 คณะอนุกรรมการหนี้รายย่อย ที่ครอบคลุมการแก้ไขหนี้ 8 ชนิด อาทิ หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ หนี้ภาคเกษตร หนี้รายย่อย เพื่อนำเสนอแนวทางต่อนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ และออกมาตรการเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาต่อไป
ทั้งนี้ สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ จะเสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้ขยายขอบเขตการปล่อยกู้แก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระดี ให้สามารถนำวงเงินที่ผ่อนไปแล้ว ขอกู้ออกมาใช้เพิ่มเติมโดยใช้หลักประกันเดิม
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสนำเงินไปใช้ในสิ่งที่ก่อประโยชน์ หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบ ตัดภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งรูปแบบธนาคารพาณิชย์สามารถทำได้ แต่ทาง ธอส.ยังทำไม่ได้จึงเห็นควรให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อปล่อยสินเชื่อในสิ่งนี้ได้ด้วย
สำหรับปัจจุบัน ธอส.ปล่อยกู้ในส่วนของการกู้ซื้อบ้าน อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกู้มาใช้ปลูกบ้าน ตกแต่ง ซ่อมแซมได้เท่านั้น แต่มองว่าในอนาคตควรจะช่วยปล่อยกู้เพิ่มเติม ให้ลูกค้าที่มีประวัติผ่อนชำระดีนำไปใช้ด้านอื่นได้ด้วย
ส่วนเรื่องความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ธนาคารสามารถพิจารณา เช่น หากลูกค้าซื้อบ้านผ่อนไปแล้ว ครึ่งหนึ่ง และต้องการใช้เงินไม่กี่หมื่นบาทเพื่อไปปิดหนี้จากนอนแบงก์ ก็สามารถขอกู้จากวงเงินที่ผ่อนไปแล้วออกมาใช้ได้ แต่ยังใช้สินทรัพย์เดิมเป็นหลักประกัน
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการหารือถึงข้อเสนอการปรับวิธีคำนวณดอกเบี้ย สำหรับธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ควรปรับวิธีคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ หรือแฟลตเรท เป็นแบบลดต้นลดดอกหรือไม่ เพื่อสร้างความเป็นธรรม ให้แก่ลูกหนี้
"การคิดดอกเบี้ยแบบคงที่จะทำให้ผู้กู้มีภาระการผ่อนที่สูง เพราะจะคิดจากยอดเงินกู้ตามสัญญา แล้วนำเงินจำนวนนี้มาคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่เริ่มกู้จนถึงวันครบกำหนดสัญญา ซึ่งการคิดดอกเบี้ยแบบนี้จะเสียดอกเบี้ยเท่ากันทุกงวดตั้งแต่งวดแรกจนถึงงวดสุดท้าย แต่หากคิดแบบลดต้นลดดอก จะสะท้อนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง เช่น หากผ่อนไปยอดหนี้ลดลง ดอกเบี้ยก็จะเสียน้อยลง ซึ่งมีความเป็นธรรมต่อผู้กู้มากกว่า"
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังต้องการให้ นอนแบงก์ เข้ามามีส่วนช่วยแก้หนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสีย ในรูปแบบโครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งหากไม่ต้องการเข้าร่วมและให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ช่วยบริหารจัดการโดยตรง ก็อยากให้นำแนวคิดการรวมหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยคนเป็นหนี้เสียค้างชำระเกิน 120 วัน ให้มีทางเลือกในการผ่อนชำระตามความสามารถโดยดอกเบี้ยต่ำ 3-5% และแบบคิดแบบลดต้นลดดอก
ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้มีการพิจารณาแก้กฎหมาย ช่วยเหลือข้าราชการประจำที่ถูกฟ้องล้มละลายไม่ต้องถูกบังคับให้ออกจากราชการ เหมือนกับพนักงานจากหน่วยงานอื่นๆ ที่จะไม่ให้ถูกออกจากราชการ เพราะถือเป็นเรื่องของคดีแพ่ง แต่เรื่องนี้อาจต้องใช้เวลาในการแก้ไขกฎหมาย
"ระหว่างนี้อยากทำความเข้าใจกับเจ้าหนี้ด้วย หากมีการเร่งฟ้องล้มละลายจนต้องออกจากงานไปจะยิ่งเป็นผลเสีย เพราะทำให้ลูกหนี้ขาดรายได้ และไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระอีก"