‘พปชร.’ จี้รัฐเปิดเงื่อนไขเจรจา อย่าสร้างภาพลวงตา หลังข้อตกลงหยุดยิงล้มเหลว
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 68 ที่พรรคพลังประชารัฐ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงจุดยืนพรรค ภายหลังการเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย โดยมี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้าร่วม เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า จะหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ในเวลา 00.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ว่า ประสบความล้มเหลว เพราะปัจจุบันยังมีการยิงกันอยู่ ฝ่ายกัมพูชา ยังล่วงล้ำอธิปไตยของไทยอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม เป็นการเจรจาที่ไม่มีหลักประกันใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เพียงแต่ไร้ประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างภาพลวงตาให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าความรุนแรงยุติแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง เสียงปืนยังดังอยู่ที่แนวชายแดน และความสูญเสียยังไม่สิ้นสุด
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า พรรคขอตั้งข้อสังเกตถึงภาษากายของผู้นำคณะเจรจาฝ่ายไทย ในการแถลงข่าวหลังการประชุม สะท้อนชัดถึงความตกเป็นรองทั้งในด้านภาพลักษณ์และจิตวิทยาการเจรจาระหว่างประเทศ ขณะที่ ฮุน มาเนต แสดงออกอย่างมั่นใจเหมือนเป็นผู้บรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ในขณะที่นายภูมิธรรม กลับไม่ใช้โอกาสนี้ชี้แจงความจริงให้สังคมโลกเห็นว่า ไทยกำลังเผชิญการรุกรานอธิปไตยจากกัมพูชาที่ก้าวร้าว เจตนาทำร้ายประชาชนไทยอย่างไม่ปรานี
“ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ไม่สามารถไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ได้ เพราะแกนนำรัฐบาลอาจจะเคยมีหนี้บุญคุณกับฝ่ายกัมพูชา ถือเป็นรัฐบาลที่อ่อนเชิงการเมืองระหว่างประเทศ อ่อนข้อในการเจรจา และไม่เข้มแข็งในการปกป้องอธิปไตย และไม่สามารถยืนหยัดเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนได้อย่างแท้จริง เราขอยืนหยัดอยู่ข้างทหารกล้าทุกนาย และพี่น้องประชาชนทุกชีวิตที่ต้องอยู่ในศูนย์อพยพ ท่ามกลางเสียงปืนและความตาย เราจะไม่ปล่อยให้ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอ เพราะฝ่ายการเมือง” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริง ในการเจรจาทั้งหมดต่อประชาชน ว่าเกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย สร้างความมั่นคงอย่างไรในอนาคต แต่หากดำเนินการโดยไร้แผนยุทธศาสตร์ในการรับมือกัมพูชาจริงจัง ย่อมเท่ากับทอดทิ้งให้ทหารและประชาชนให้ต้องอยู่กับความเสี่ยงตามแนวชายแดนต่อไป ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐขอแสดงความห่วงใยต่อทหาร และขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต มา ณ โอกาสนี้ด้วย.